“โกศล” กำชับ สกสค.- องค์การค้าฯ ร่วมกันทำงานแก้ปัญหาบริหารจัดการองค์การค้าฯ ทั้งเรื่องคน สินทรัพย์ ยัน ศธ.ไม่มีนโยบายยุบองค์การค้าฯ ขณะที่ “อรรถพล” ย้ำชัด องค์การค้าฯต้องแปลงทรัพย์สิน ส่วนร้านค้าศึกษาภัณฑ์ ถ้าไม่คุ้มทุนก็ควรหยุด ด้าน “วีระกุล” แจงส่วนตัวขอใช้วิธีบริหารจัดการก่อน ลั่นไม่เลิกจ้างพนักงานแน่นอน
วันนี้ (18 ต.ค.) พล.อ.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานมอบนโยบายในการประชุมผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัดทั่วประเทศ ว่า สิ่งที่อยากเห็นขณะนี้ คือ การทำงานร่วมกันระหว่าง สกสค. สำนักงาน สกสค.จังหวัด และ องค์การค้าของ สกสค. หากมีอะไรที่สามารถช่วยองค์การค้าฯ ได้ก็ขอให้ช่วยกัน เดิมมีความคิดที่จะยุบองค์การค้าฯจริง แต่เมื่อมาดูบริบทการทำงาน และทีมงานที่เข้าไปสร้างระบบใหม่ และทรัพย์สินขององค์การค้าฯ ซึ่งอยู่กับวงการครูมานาน มองว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าองค์การค้าฯ จะหายไปจากวงการศึกษา เพราะฉะนั้น ความคิดเรื่องยุบจึงล่มเลิกไป แต่มาต่อว่าจะทำอย่างไรให้องค์การค้าฯ เดินต่อไปได้
“ได้กำชับแก่ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. และ นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ร่วมมือกันทำงานแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเรื่องรายได้ที่ลดลง แต่รายจ่ายยังเท่าเดิม เงินเดือนเจ้าหน้าที่และพนักงานองค์การค้าฯ เดือนละประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มีจ่ายจะต้องมาขอยืมจาก สกสค.หรือไม่ จึงอยากให้ดูเรื่องบุคลากร เพราะ สกสค.ก็คนขาด ขณะที่องค์การค้าฯคนเกิน อาจต้องดูว่าจะมีการโยกสลับกันได้หรือไม่ อย่างน้อยช่วยลดรายจ่ายของทั้ง 2 องค์กร”พล.อ.โกศล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินขององค์การค้าฯ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ทำอย่างไรจะทำให้ที่ดินเหล่านี้มีมูลค่าขึ้นมา ส่วนต้องต้องนำไปใช้หนี้ โดยแนวคิด ถ้าขาย ก็ต้องขายทั้งแปลง ไม่แบ่งขาย ในลักษณะที่จัดสรร เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหากินหัวคิว
พล.อ.โกศล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้า กรณีที่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการฝากขายหนังสือเรียนกับองค์การค้าฯ จำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่รวมดอกเบี้ยแล้ว โดยได้มีการไกล่เกลี่ยกันถึง 6 ครั้ง ที่สุดทางบริษัท ล็อกซเล่ย์ ยอมตามเงื่อนไขที่ สกสค. เสนอ คือ ไม่คิดดอกเบี้ย 200 กว่าล้านบาท และขอให้นำหนังสือที่ยังเหลืออยู่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 165 ล้านบาทคืน สุดท้ายองค์การค้าฯ เหลือยอดหนี้กับบริษัท ล็อกซเล่ย์ ประมาณ 1,100 กว่าล้านบาท ซึ่งทางองค์การค้าฯจะต้องชำระให้บริษัท ล็อกซเล่ย์ เดือนละ 5 ล้านบาท เป็นเวลา 6 ปี ซึ่งได้เริ่มผ่านชำระไปบ้างแล้ว ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่อยู่ในองค์การค้าฯ ซึ่งยุคนี้ไม่ได้สร้างหนี้ แต่เข้ามาแก้ไขปัญหา
Oสกสค.ชูนโยบายซ่อมอดีต-สร้างอนาคต
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ.ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานของ สกสค.ประกอบด้วย 2 ลู่ คือ ซ่อมอดีตและสร้างอนาคต โดยการซ่อมอดีตได้มีการสำรวจงานค้างทั้งหมดจากใต้โต๊ะ เอามาไว้บนโต๊ะและจัดระบบสะสาง ซึ่งจากการสำรวจงาน พบว่า ปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมีมากกว่าที่เรารับรู้ ขณะเดียวกัน จะมีการสร้างอนาคตไปพร้อมๆ กัน เช่น จะตั้งศูนย์สวัสดิภาพครูไทยขึ้นที่ส่วนกลาง และอาจจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วด้วย ครูถูกรังแก ครูมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อชีวิตก็สามารถมาพึ่งศูนย์นี้ได้ ซึ่งขณะนี้ในทุกจังหวัดมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้น สกสค.จังหวัดจะเป็นเครือข่ายของศูนย์ใครมีปัญหาก็มาพึ่งได้ และจะมีการสร้างรูปแบบการบริการเหนือความคาดหมาย เป็นนโยบายนำ ให้ครูที่มาใช้บริการพึงพอใจ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้ทุน กิจกรรมใดที่มีผลกระทบต่อวงแคบไม่ทำ แต่จะทำกิจกรรมที่เป็นภาพรวมใหญ่ เงินทุกบาทต้องใช้อย่างมีคุณค่า หลีกเลี่ยงการลงทุนต่างๆ เน้นการบริหารจัดการก่อนซึ่งการดำเนินการต่างๆ จะมีมาตรการกำกับ ทั้งนี้ สกสค.จังหวัดทุกแห่งต้องไปทำแผนมาเสนอภายในวันที่ 8-10 พ.ย.นี้ สกสค.จะเกาะติดภายใน 3 เดือนหรือเดือน ม.ค.2562 ต้องเห็นผลการเปลี่ยนแปลง
“ส่วนการบริหารจัดการหนี้ขององค์การค้าฯ ก็จะดูเรื่องการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนซึ่งมีหลายตัวเลือก เช่น เรื่องที่ดินก็ต้องทำโฉนดให้เรียบร้อย เพราะบางแปลงยังไม่มีโฉนด หรือให้เช่าถ้าบางพื้นที่ทำแล้วคุ้มทุนก็อาจเป็นไปได้ และกรณีร่วมทุนก็พบว่ามีนักธุรกิจรายใหญ่สนใจมาร่วมทุนแต่ให้องค์การค้าฯทำต่อตรงนี้ยังต้องพิจารณากันอีกหลายขั้นตอน ส่วนการขายจะเป็นประเด็นท้าย อย่างไรก็ตาม กรณีศึกษาภัณฑ์ฯที่มีกำไรเพียงสาขาเดียวก็ให้ไปตรวจสอบ เพราะที่ทำกำไรมีที่เดียวคือศึกษาภัณฑ์ลาดพร้าว ถ้ามันไม่คุ้มทุนก็อาจจะต้องหยุดหรือให้คนอื่นทำ ซึ่งเวลานี้องค์การค้าฯจะอิสระแบบเดิมไม่ได้ยังไงก็ต้องอยู่ภายใต้การกำกับของ สกสค.” นายอรรถพล กล่าว
Oลั่นไม่ยุบร้านศึกษาภัณฑ์
ด้าน นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการ ศธ.ปฏิบัติหน้าที่ผอ.องค์การค้าของ สกสค. กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าองค์การค้าของ สกสค.จะอยู่รอดหรือไม่และจะมีการยุบร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์นั้น ตนขอชี้แจงว่า นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายชัดเจนว่าองค์การค้าของ สกสค.เป็นหน่วยงานที่มีประโยชน์กับการพยุงราคาแบบเรียน พร้อมทั้งส่งเสริมเรื่องสื่อการศึกษาให้แก่สถานศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งพนักงานองค์การค้าฯก็ยังมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม องค์การค้าฯ ยังมีหนี้สินอยู่ประมาณ 3-4 พันล้านบาท
สิ่งที่จะทำขณะนี้ คือ ทำให้โรงพิมพ์สามารถพิมพ์งานได้อย่างมีคุณภาพ ปรับปรุงเครื่องจักรแท่นพิมพ์ ซึ่งงานพิมพ์ถือเป็นหัวใจขององค์การค้าฯ และจะทำให้พนักงานขององค์การค้าฯมีงานทำตลอดทั้งปี มีรายได้ที่เหมาะสม ขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนแปลงหนังสือจะหายไป องค์การค้าฯจะพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-บุ๊ก และการค้าขายออนไลน์ให้มีตลาดกว้างมากขึ้น โดยร้านค้าตัวแทนที่เคยทำสัญญาเป็นคู่ค้ากันมาจะมีเรื่องหนึ่งที่ห้ามขายข้ามเขตที่ได้รับสิทธิ์ ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นการค้าเสรีแข่งขันกันที่คุณภาพและราคา ทั้งนี้ เมื่อจัดทำรายละเอียดเรียบร้อยจะเชิญกลุ่มร้านค้าเก่ามาหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนเรื่องร้านศึกษาภัณฑ์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 10 แห่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร 9 แห่ง และ 1 แห่ง ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพนักงานกว่า 200 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อเสนอของทาง สกสค.ว่าอาจจะมีการยุบร้านศึกษาภัณฑ์ ที่มีปัญหาขาดทุน แต่แนวทางของตนไม่ได้ตัดสินใจแบบนั้น เพราะร้านศึกษาภัณฑ์เป็นของที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และทางใจ พนักงานอยู่กันมาแต่เริ่ม ทำให้เรามีต้นทุนบุคคลากรสูงส่วนใหญ่เป็นระดับอาวุโสทำงานมาหลายปี ดังนั้น จะหาวิธีการและปรับระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และให้บุคลากรมาร่วมกันดูแลเพิ่มรายได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ยืนยันพนักงานทุกคนจะไม่ถูกเลิกจ้าง ยกเว้นคนที่กระทำผิดระเบียบ กติกา และองค์การค้าฯ จะพยายามดูแลตัวเองให้ได้ ขณะที่กลุ่มสหภาพองค์การค้าฯ ก็รับทราบความพยายามของเราและพร้อมจะร่วมทำงาน