xs
xsm
sm
md
lg

คลี่เกณฑ์รับเด็ก’62 ปลดล็อกปัญหารับนักเรียนได้จริงหรือ??

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โดย เกศกาญจน์ บุญเพ็ญ

เคาะแล้ว!! หลักเกณฑ์การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ครั้งนี้“บอร์ด กพฐ.” หรือคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เปลี่ยนเกณฑ์สำคัญ 2 เรื่อง คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษา (ม.)ปีที่ 1 และม.4 ให้สิทธิคณะกรรมการรับนักเรียนของโรงเรียน ขยายจำนวนนักเรียนต่อห้องจาก 40 คน เพิ่มได้อีก 5 คน รวม 45 คน และให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อชั้นม.4 ก่อนโรงเรียนอื่นๆทั่วประเทศ

ส่วนการรับนักเรียนในระดับอื่นๆ ให้คงไว้จำนวนรับไว้เหมือนเดิม คือ ก่อนประถมศึกษา 30 คนต่อห้อง ประถมศึกษา 40 คนต่อห้อง ขณะที่สัดส่วนการรับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนกับการสอบคัดเลือกให้คงไว้ที่ 60 : 40 เช่นเดิม

ว่าไปแล้วใกล้ถึงฤดูกาล “รับนักเรียน” ทีไรพ่อแม่ ผู้ปกครองต่างกุมขมับกับการเตรียมหาที่เรียนที่ดีที่สุด เพื่ออนาคตทางการศึกษาให้แก่ลูกหลาน โดยเฉพาะเด็กๆที่ต้องเข้าเรียนในช่วงชั้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นชั้นอนุบาล 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชั้นม. 1 และ ม.4 นอกจากจะต้องพาลูกไปเรียนเสริม อัดความรู้สอบแข่งขัน ยังต้องหาลู่ทางและเกาะติดหลักเกณฑ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกปีอย่างใกล้ชิด ซึ่งปีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่บอร์ด กพฐ.ประกาศหลักเกณฑ์มาแต่เนิ่นๆ

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้บอร์ด กพฐ.ต้องปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การรับนักเรียนปีการศึกษา 2562 เนื่องจากปัญหาในการรับนักเรียนปีการศึกษา 2561 ที่มีการล็อกจำนวนนักเรียนชั้นม.1 และม.4 อยู่ที่ 40 คนต่อห้อง โดยไม่เปิดโอกาสให้ขอขยายชั้นเรียน ทำให้เกิดความปั่นป่วนกับสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียนที่จบม.3 โรงเรียนเดิมจะเลื่อนชั้นขึ้นม. 4 มีโอกาสถูกคัดออกหากเกรดไม่ถึงที่โรงเรียนกำหนด ต้องไปลุ้นสอบแข่งขันกับเด็กโรงเรียนอื่น แถมจำนวนชั้นเรียนของม.ต้นที่มากกว่าม.ปลาย ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองห่วงว่าเด็กที่เป็นศิษย์เก่าจะไม่มีที่เรียน ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ปกครองเด็กชั้นม.1 ร้องตรงถึง “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ขอให้เด็กในพื้นที่บริการเข้าเรียนครบทุกคน โดยอ้างว่าโรงเรียนปฏิเสธรับเข้าเรียนเพราะติดเงื่อนไขจำนวนรับต่อห้องที่น้อย และการรับเด็กทั่วไปอีก 40% ด้วย

แต่ทว่า การตรึงจำนวน 40 คนไม่อาจต้านเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองไหว สพฐ.ได้เชิญกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนดัง หรือ โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงร่วมถกหาทางออก ก่อนเสนอเข้าสู่ บอร์ด กพฐ. ยกเป็นวาระพิเศษให้ที่ประชุมพิจารณาและมีมติว่า ระดับชั้นม.1 ยังคงจำนวนไว้ที่ 40 คนต่อห้อง ส่วนชั้นม.4 มีการยืดหยุ่นให้รับได้ไม่เกิน 50 คนต่อห้อง แต่บนพื้นฐานว่ามีความจำเป็นและคณะกรรมการการสถานศึกษา และคณะกรรมการรับนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่โรงเรียนสังกัดอยู่ให้ความเห็นชอบ โดยมีผลในทางปฏิบัติทั้งโรงเรียนที่มีอัตราแข่งขันสูง และโรงเรียนทั่วไป

เช่นนี้การที่บอร์ด กพฐ.กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์รับนักเรียนใหม่ ของปีการศึกษา 2562 ให้ทั้งม.1และม.4 ขยายจำนวนรับได้ถึง 45 คน เปรียบเสมือนการพบกันครึ่งทาง ส่วนประเด็นการเรียกร้องผู้ปกครองในปีที่ผ่านมา ให้รับเด็กในพื้นที่บริการ 100% นั้น บอร์ด กพฐ.ให้ความเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะถ้าทำเช่นนั้นก็อาจจะมีผู้ปกครองบางกลุ่มร้องเรียนว่า สพฐ.กีดกันไม่ให้เด็กกลุ่มทั่วไปได้มีโอกาสมาเรียนในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ดังนั้น จึงยังให้คงสัดส่วนดำเนินการสอบคัดเลือกที่ 60:40 เอาไว้

อย่างไรก็ตาม การรับนักเรียนที่จะมาถึงนี้ยังมีประเด็นให้ต้องเกาะติดกรณีที่บอร์ด กพฐ.มีมติเปิดทางให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อชั้นม.4 ก่อนกลุ่มโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงทั่วประเทศมีจำนวน 282 โรงและโรงเรียนทั่วไปนั้น แม้นัยว่าที่มีมติดังกล่าวเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาเด็กที่มาสอบเข้าเรียนแต่พลาดหวังจากโรงเรียนแห่งนี้ เมื่อจะกลับไปเรียนที่โรงเรียนเดิมเป็นไปได้ยาก เพราะโรงเรียนเดิมรับเด็กเต็มจำนวนที่นั่งแล้ว อีกนัยหนึ่งก็ว่าเพื่อเปิดทางให้ “ช้างเผือก” เด็กเก่ง เรียนดี ทุกคนทั่วประเทศได้เข้ามาลงสนามประลองปัญญา และแม้จะพลาดหวังแต่สุดท้ายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไร้ที่เรียน อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีโรงเรียนแห่งนี้มีเด็กที่จบม.3 ที่เรียนดีแห่สมัครมาสอบแข่งขันคัดเลือกกว่า 1 หมื่นคน ขณะที่ยอดรับอยู่ที่ประมาณ 1 พันกว่าคนเท่านั้น

หลังจากบอร์ด กพฐ.มีมติดังกล่าวก็เริ่มมีการตั้งคำถามเรื่องเงินๆทองๆ ที่คาดเดาว่าจะมีเม็ดเงินจากการสมัครสอบทะลักเข้าสู่โรงเรียนเตรียมอุดมฯหรือไม่ ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. แจงว่า ที่มองว่าการให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบก่อนจะทำให้มีเงินสะพัดเท่าที่รับฟังไม่มีใครติดใจเรื่องนี้ และการให้สอบก่อนโรงเรียนที่มีอัตราแข่งขันสูงอื่นๆระยะเวลาจะห่างกันไม่มาก ขณะที่ นพ.ธีระเกียรติ ก็มีนโยบายอยากให้โอกาสเด็กที่เรียนดี เก่งจริง แต่ครอบครัวมีฐานะยากจนได้มีโอกาสสอบคัดเลือกด้วย ตรงนี้ สพฐ.จะประสานไปยังโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาว่า ให้ยกเว้นค่าสมัครสอบ ให้แก่เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือให้ผู้อำนวยการโรงเรียนเซ็นรับรอง และให้โรงเรียนที่เด็กเรียนอยู่สนับสนุนค่าใช้จ่ายเด็กกลุ่มนี้ในการเดินทางมาสอบ ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ
ดร.บุญรักษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการขยายห้องเรียนม.1และม.4 ไม่เกิน 5 คนต่อห้อง จากที่กำหนดไว้ที่ 40 คนต่อห้อง ตรงนี้อำนาจเบ็ดเสร็จจะอยู่ที่โรงเรียนถือเป็นผู้ที่อยู่หน้างาน รู้ในศักยภาพตนเองมากที่สุด ซึ่งได้รายงานให้ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบซึ่งก็ไม่ได้ติดใจในประเด็นนี้ ซึ่งตอนนี้ สพฐ.ยังไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การรับนักเรียนดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เพราะอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดต่างๆ ทั้งปฏิทินการรับนักเรียนและแนวปฏิบัติการรับนักเรียนในปีหน้าให้ชัดเจน โดยจะทำทุกอย่างให้รอบคอบเพื่อให้โรงเรียนนำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง
ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร
จากมติและคำชี้แจงต่าง ๆ นายคมเทพ ประภายนต์ อุปนายกสมาคมเครือข่ายผู้ปกครองแห่งชาติ มองว่า จากที่ติดตามเรื่องดังกล่าวส่วนตัวยังมองว่าหลักเกณฑ์ที่ออกมายังไม่ค่อยเหมาะสม ที่ผ่านมาตนย้ำเสมอว่าการรับนักเรียนควรทำเพียงรอบเดียวจบ และกำหนดให้ชัดว่ารับกี่คน แต่การรับนักเรียนปีการศึกษา 2562 แม้จะคงที่ 40 คนต่อห้อง แต่ก็ให้ขยายไม่เกิน 5 คนเป็น 45 คนจึงตั้งคำถามว่าการขยายตรงนี้ทำเพื่ออะไร ซึ่งในปีการศึกษา 2561 ก็ให้คงไว้ 40 คนต่อห้องสุดท้ายก็ต้องมาขยายการรับเพิ่มกลายเป็นว่าบางแห่งรับเพิ่มไปเป็น 50 คนต่อห้อง มีปัญหากระทั่งเด็กในพื้นที่บริการก็ไม่มีที่เรียนจน นพ.ธีระเกียรติ ต้องประกาศว่าโรงเรียนต้องดูแลและให้ สพฐ.ไปกำหนดแนวทางดำเนินการให้ชัดเจนในการรับนักเรียนปีการศึกษาต่อไป แต่ที่สุดก็มีมติแบบนี้ออกมา

"ส่วนตัวอยากให้การรับนักเรียนทำให้เสร็จในรอบเดียว แต่เกณฑ์ที่ออกมาน่าจะทำให้การรับนักเรียนมีปัญหาตอนการรับก๊อก 2 ที่ให้ขยาย 5 คนต่อห้องและผมเชื่อว่าสุดท้ายก็จะรับไปถึง 50 คนเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ขอเสนอว่าในส่วนที่เพิ่มมา 5 คนโรงเรียนควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน การขยายดูจากอะไร เป็นเด็กกลุ่มไหน ซึ่งการรับนักเรียนทำกันอยู่แค่ภายใน ไม่มีองค์กรภายนอกมาตรวจสอบ พอมีปัญหาเกิดขึ้นเราจะไม่มีทางรู้ได้เลย หรือกว่าจะรู้ก็เพราะมีผู้ปกครองร้องเรียนขึ้นมา”นายคมเทพ กล่าว
นายคมเทพ ประภายนต์
ส่วนกรณีที่ให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสอบเข้าม.4 ก่อนนั้น นายคมเทพ บอกว่า ในหลักการเมื่อเป็นโรงเรียนของ สพฐ.เหมือนกันก็ควรจะจัดสอบพร้อมกัน เด็กทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการศึกษาและเมื่อเป็นการแข่งขันก็ควรแข่งขันอย่างเสมอภาค แต่เมื่อมีมติมาแล้วก็เสนอว่าต้องทำให้โปร่งใส มีการตรวจสอบชัดเจนว่าเด็กมาสอบจริงหรือไม่ มีข้อสอบกลางที่ใช้ในการสอบแข่งขัน

ถือเป็นช่วงต้นทางของการวางทิศทางในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งคงต้องติดตามว่าเมื่อถึงคราวไปสู่การปฏิบัติจริง การรับนักเรียนปีการศึกษา 2562 จะสามารถเป็นได้อย่างราบรื่น และขจัดปัญหาได้จริงหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น