กทม.ลงจับ “นกพิราบ” ตลาดนีออน เก็บเลือด น้ำลาย หาเชื้อโรค เผย ทั่งกรุงพบนกพิราบมากใน 7 เขต เร่งหาวิธีตัดวงจรแพร่ระบาดเชื้อและการขยายพันธุ์
วันนี้ (26 ก.ย.) นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่จัดระเบียบนกพิราบ บริเวณตลาดนีออน ประตูน้ำ เขตราชเทวี ว่า กรุงเทพมหานคร ได้มีมาตรการจัดระเบียบนกพิราบ ตามโครงการทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคไข้หวัดนกในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่สาธารณะ เขตวัด หรือพื้นที่เอกชน เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคที่จะแพร่ระบาด โดยในวันนี้กรุงเทพมหานครโดยสำนักอนามัยและสำนักงานเขตราชเทวีร่วมกับกรมปศุสัตว์ดำเนินการจัดระเบียบนกพิราบ บริเวณตลาดนีออน เขตราชเทวี เนื่องจากได้การร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่า มีนกพิราบอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว จำนวน 300-400 ตัว จึงจัดทีมแพทย์เคลื่อนที่ลงพื้นที่สุ่มเก็บตัวอย่างจากเลือด น้ำลาย และมูลของนกพิราบ เพื่อหาเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่มากับตัวนก ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน อาทิ โรคระบบทางเดินหายใจ และไข้หวัดนก เป็นต้น พร้อมทั้งดักจับและเคลื่อนย้ายนกพิราบบางส่วนไปที่ด่านกักกันสัตว์ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก่อนปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป นอกจากนี้ เขตฯ ยังได้ดำเนินการล้างทำความสะอาด (big cleaning) บริเวณตลาดนีออน พร้อมทั้งติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดให้อาหารสัตว์บริเวณตลาดนีออนและบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้ง 4 เกาะ
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า จากการสำรวจนกพิราบในพื้นที่ทั้ง 50 สำนักงานเขต พบว่า เขตธนบุรี บางกอกน้อย สาทร พระนคร ห้วยขวาง ราชเทวี และ หลักสี่ มีนกพิราบอาศัยเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องหาวิธีในการตัดวงจรการแพร่ระบาดของเชื้อโรคและการเพิ่มขยายพันธุ์ของนก โดยในวันที่ 1 ต.ค. นี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักอนามัยและสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เพื่อหารือและกำหนดมาตรการการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายต่อไป
ทั้งนี้ การให้อาหารนกในที่สาธารณะ มีความผิดตาม พ.ร.บ. สาธารณสุข พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท ส่วนผู้ค้าขายอาหารนกในที่สาธารณะ มีโทษเช่นเดียวกัน รวมทั้งมีความผิดตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มีโทษปรับ 2,000 บาท และ พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 ในการแบ่งซื้อแบ่งขายอาหารสัตว์ มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
