xs
xsm
sm
md
lg

“ไขมัน” จากอาหารทอด ต้นตอโตเป็นสาวไว ไม่เกี่ยว “กินไก่” เหตุ กม.ห้ามใช้ฮอร์โมนเร่งโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กรมอนามัยแจง “กินไก่” ไม่ได้ทำให้เป็นสาวเร็ว เหตุกฎหมายห้ามใช้ฮอร์โมนเร่งโต ผลตรวจกรมปศุสัตว์ไม่พบการใช้ในฟาร์มไก่ พ่วง อย.เพิกถอนตำรับไปแล้ว เผย “ไขมัน” จากการกินอาหารทอด ต้นตอผลิตฮอร์โมนเพศหญิงออกมาเร็วกว่าปกติ ทำให้เป็นสาวเร็ว

วันนี้ (7 ก.ย.) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีข้อมูลในโซเชียลมีเดีย เรื่องการบริโภคไก่ ส่งผลให้เด็กเข้าสู่วัยสาวเร็วกว่าปกติ และส่งผลต่อการเจริญเติบโต ว่า ความจริงแล้วการมีภาวะเป็นสาวเร็วกว่าวัยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไปจากอดีต ซึ่งปัจจุบันเด็กมีการบริโภคอาหารไขมันสูงเพิ่มขึ้น เช่น อาหารฟาสต์ฟูด ทำให้มีปัญหาเรื่องอ้วน ซึ่งมีส่วนทำให้เป็นสาวเร็วก่อนวัย เพราะไขมันเป็นองค์ประกอบหลักของฮอร์โมนเพศหญิง หากได้รับไขมันมากเกินไป ร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนเพศหญิงออกมาเร็วกว่าปกติ

พญ.อัมพร กล่าวว่า ข้อมูลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของกรมปศุสัตว์ที่มีการสุ่มเก็บตัวอย่างครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า 30,683 ตัวอย่างต่อปี ไม่พบการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และได้มีการจัดทำมาตรฐานฟาร์มไก่เนื้อ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมปศุสัตว์ทั้งหมดและการใช้ฮอร์โมนเร่งโตเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 417 /2528 ลงวันที่ 23 กันยายน 2529 เพิกถอนทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ Hexoestrol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้ในสัตว์ปีก หากมีการลักลอบใช้ ถือว่าผิดกฎหมาย ในกรณีเด็กที่เป็นสาวก่อนวัยควรเข้ารับการตรวจเฉพาะทางคลินิกเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น การตรวจความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เนื่องจากเป็นแหล่งสร้างและหลั่งฮอร์โมนเพศเป็นต้น

“วิธีป้องกันการเกิดภาวะเป็นสาวก่อนวัย คือ เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด กินอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ปริมาณพอเหมาะ มื้อละ 2-3 ช้อนกินข้าว ที่สำคัญคือ ต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณพอเหมาะ ดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้ว รวมถึงการมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม หรือออกกำลังกายจนรู้สึกเหนื่อยหอบอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน นอนหลับให้เพียงพอ จะทำให้เด็กสูงดีสมส่วน สุขภาพแข็งแรง มีการเจริญเติบโตเต็มศักยภาพ” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น