xs
xsm
sm
md
lg

จักษุแพทย์เตือน ไม่มี “อาหารเสริม” รักษาโรคตา อย่าเสี่ยง หากไม่อยากติดเชื้อจนต้องควักลูกตาทิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จักษุแพทย์ ย้ำ ไม่มีอาหารเสริมใด รักษาโรคตาได้ จี้เอาผิดเซลส์ขายแนะนำให้เอามาหยอดตา เผย ขนาดน้ำเปล่าหยอดตา หากกระจกตามีแผลก็เสี่ยงติดเชื้อได้ หากเชื้อลุกลามอาจเข้าสู่สมอง สุดท้ายอาจต้องควักลูกตา

จากกรณีข่าวหญิงอายุ 56 ปี ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากใบพลูคาว อ้างเป็นอาหารเสริมรักษาโรคตาสารพัด โดยนำมากินและหยอดตา สุดท้ายติดเชื้อจนแพทย์ต้องควักลูกตาออก

วันนี้ (6 ก.ย.) นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย และหัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า การรักษาโรคทางตานั้น ข้อเท็จจริง คือ 1.ไม่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ ที่ใช้เกี่ยวกับดวงตาได้ เพราะการจะได้รับวิตามินนั้น สามารถรับได้จากอาหารทั่วไปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อมากิน ที่สำคัญ อย่างวิตามินเอ ที่ระบุว่า ดีกับสายตา หากรับประทานมากๆ ย่อมก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผมร่วง ผิวแห้ง เป็นต้น 2.ผลิตภัณฑ์หรือสิ่งใดก็ตาม ที่อ้างว่ารักษาดวงได้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยา ถือเป็นการโฆษณาเกินจริง และการรักษาโรคตาก็ต้องผ่านการวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์ อย่างโรคต้อเนื้อ ต้อกระจก หรือโรคตาต่างๆ และ 3.อย่าใช้ยาผิดประเภท ยากินมาใช้เป็นยาหยอด หรืออะไรก็ตามย่อมเสี่ยง ยิ่งกรณีนี้ไม่ใช่ยา แต่อ้างผลการรักษายิ่งต้องระมัดระวัง ทางกลุ่มมูลนิธิผู้บริโภคทางขอนแก่นแจ้งมาว่า จริงๆ แล้วผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้เปลี่ยนจากกินมาหยอดตาเอง แต่ตัวแทนขายแนะนำ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย

“ดวงตาเป็นอะไรที่บอบบางมาก การนำน้ำสมุนไพรหรือแม้แต่น้ำเปล่ามาหยอดตา และหากกระจกตาเรามีรอยฉีกหรือมีแผลเล็กๆ ก็เสี่ยงติดเชื้อได้ ยิ่งกรณีนี้เราไม่มีทางรู้ว่า ผลิตภัณฑ์เขามีการผ่านกระบวนการผลิตมาอย่างไร มีความสกปรกหรือไม่ หรือการผลิตได้รับมาตรฐานแค่ไหน ก็ย่อมต้องเสี่ยงติดเชื้อ เพราะขนาดน้ำเปล่าหยอดตา หากเลนส์ตามีรอยก็ทำให้แสบ มีความเสี่ยงติดเชื้อเช่นกัน ซึ่งกรณีนี้เมื่อหยอดตาเข้าไปมีการติดเชื้อที่กระจกตา ก็ลุกลามเข้าไปในลูกตา ซึ่งการรักษาจะให้ยาฆ่าเชื้อ แต่เมื่อไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องนำลูกตาออก มิเช่นนั้นเชื้อจะลุกลามเข้าสมองหรืออวัยวะอื่นๆ ที่อันตรายยิ่งขึ้น” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ปัญหาการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับตามีจำนวนมาก ที่ผ่านมา ทางราชวิทยาลัยฯ ได้ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเฝ้าระวังเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ มีการประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการดำเนินการจับกุมมาตลอด อย่างไรก็ตาม หากมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้สามารถประสานมาทางราชวิทยาลัยจักษุฯได้ ที่เบอร์ 02 718-0715-6 หรือติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก “สุขภาพตา โดย ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย All About Eye by RCOPT”

ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาขออนุญาต อย. ใช้ชื่อ คอลดาต้า (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำพลูคาว) สถานที่ผลิต จ.ขอนแก่น สถานที่จำหน่าย คือ บริษัท คิงส์ เฮิร์บเวิลด์ 1999 จำกัด  ตั้งอยู่เขตบางเขน กรุงเทพฯ พบเป็นสถานที่จำหน่ายแบบขายตรง MLM มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น จึงได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์หาตัวยาและสเตียรอยด์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบการปลอมปนยาหรือสารอันตราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังพบเอกสารเผยแพร่การโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ จึงเก็บหลักฐานเพื่อประกอบการดำเนินคดี  โดยหากเป็นการโฆษณาสรรพคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากแสดงสรรพคุณ คุณประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เข้าใจว่ามีผลในการรักษา บำบัด บรรเทา รักษาโรค จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะพิจารณาเพิกถอนเลขสารบบอาหารต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้ อย.เคยดำเนินคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการโฆษณากับผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายแล้ว

“อย. ห้ามไม่ให้โฆษณาให้เข้าใจผิดว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถบำบัด รักษา หรือบรรเทาโรคใดๆ หรือหยอดตา แต่อย่างใด ขอให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย โดยเฉพาะพนักงานขายตรง และสื่อต่างๆ มีคุณธรรม จริยธรรม และความปลอดภัยต่อผู้บริโภค อย่าโฆษณาอวดสรรพคุณอ้างรักษาสารพัดโรค จนผู้บริโภคหลงเชื่อ และขอให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคทางตา โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อย่าหลงเชื่อไปใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว ซึ่งไม่มีสรรพคุณในการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ อาจทำให้โรคตาที่เป็นอยู่มีความรุนแรงขึ้น ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาจากจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง” รองเลขาธิการ อย. กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น