คิกออฟจ่ายเงิน "ผู้สูงอายุ" ผ่านบัตรคนจนแล้ว 15 ส.ค. ในอัตรา 250 และ 400 บาท ได้เงินเพิ่มขึ้น 50-100 บาท พร้อมจ่ายย้อนหลังของ ก.ค. 61 เผยจ่ายจนถึง มี.ค. 62 ก่อนปรับอัตราการจ่ายตามสถานะกองทุน
วันนี้ (16 ส.ค.) น.ส.จิรฎา วิวัฒนนะ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงข่าวกรณีการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสัวสดิการแห่งรัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการจัดงานคิกออฟ และทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน 44 พื้นที่นำร่อง ซึ่งกระทรวงการคลังได้ริเริ่มแนวคิดในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผสานความร่วมมือกับ พม. รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดแหล่งเงินเข้ากองทุนผู้สูงอายุเพิ่มเติม 2 แหล่ง คือ 1.การให้กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าสุราและยาสูบในอัตราร้อยละ 2 แต่ไม่เกิน 4,000 ล้านบาทต่อปี และ 2.การรณรงค์ให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะดีและไม่เดือดร้อนทางการเงิน บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ เพื่อให้เป็นเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย โดยให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติมีอำนาจในการจัดสรรเงินดังกล่าว และได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้พิจารณาอนุมัติอัตราการจ่ายเงินดังกล่าว โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้จ่ายเงินให้ผู้สูงอายุผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
น.ส.จิรฎา กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ มีมติให้จ่ายเงินในอัตรา ดังนี้ 1.ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 100 บาท จากเดิม 300 บาท เป็น 400 บาท และ 2.ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 50 บาท จากเดิมได้รับ 200 บาท เป็น 250 บาท โดยจะจ่ายทุกวันที่ 15 ของเดือน เริ่มจ่ายครั้งแรกในวันที่ 15 ส.ค. 2561 สำหรับเดือนนี้จะเป็นการจ่ายเงินสมทบของ ก.ค. 2561 ด้วย ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุที่ได้อนุมัติการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ ก.ค. 2561 ถึง มี.ค. 2562 ส่วนในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จะพิจารณาอัตราการจ่ายตามสถานะการเงินของกองทุนฯ อีกครั้ง โดยผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำบัตรไปกดเงินสดได้ที่ตู้กดเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขาเท่านั้น จำนวนเงินที่สามารถกดได้ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100 บาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียม โดยใช้เลขท้ายบัตรประชาชน 6 หลัก ในการกด และให้ทำการเปลี่ยนรหัสตามขั้นตอนหน้าตู้กดเงินสดอัตโนมัติ หรือจะนำไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้า ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้
น.ส.จิรฎา กล่าวว่า สำหรับเงินในส่วนนี้ ผู้สูงอายุที่ใช้เงินไม่หมดในเดือนนั้น สามารถสะสมเงินในบัตร เพื่อเก็บไว้ใช้ในเดือนต่อไปได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมให้มีการดูแลผู้สูงอายุผ่านการดำเนินงานธนาคารเวลา เพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง และผู้ให้จะได้รับการตอบแทนตามเวลาที่สะสมไว้ โดยการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับผู้สูงอายุของประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุไทย โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมดำเนินการ ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) /และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 44 พื้นที่นำร่อง