“หมอธีระวัฒน์” เปิดปม “โรคพิษสุนัขบ้า” ในไทยเพิ่มขึ้น เหตุวัคซีนไม่พอ ทวงถามวัคซีน 10 ล้านโดส ที่กรมปศุสัตว์ประมูลยังล่องหน ไม่มีการกระจายลงพื้นที่ ขณะที่คุณภาพวัคซีนอาจมีปัญหา พบฉีดแล้วหมาโคมา สมองบวม บางตัวตายหลังฉีด ย้ำ ไทยอยู่ภาวะวิกฤต จี้ อย.ตรวจเข้มก่อนนำเข้า ทั้งความแรงและความปลอดภัยวัคซีน ไม่ใช่แค่ใบรับรองประเทศต้นทาง พบบางรายสวมใบอนุญาต 7-8 ปีก่อน ทั้งที่ถูกถอนทะเบียนไปแล้ว
วันนี้ (14 ส.ค.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า ตั้งแต่ ม.ค. - ก.ค. 2561 มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว 17 ราย ซึ่งสูงกว่าทั้งปี 2560 ที่พบ 11 ราย ส่วนสาเหตุที่ทำให้การระบาดไม่ลดลงนั้น มีหลายปัจจัย คือ 1.วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามีไม่เพียงพอ ทั้งในคนสัตว์และในคน โดยวัคซีนในสัตว์มีข้อมูลจากพื้นที่รายงานเข้ามา ว่า ยังไม่เห็นการกระจายวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าในสัตว์จำนวน 10 ล้านโดส ที่กรมปศุสัตว์ประมูลมาเลย ไม่รู้ว่าวัคซีนไปอยู่ที่ใดและเป็นวัคซีนที่มาจากไหน ขณะนี้จึงต้องใช้วัคซีนเก่าที่เก็บไว้อย่างกระเบียดกระเสียนไปก่อน ซึ่งหากพื้นที่ไม่มีวัคซีนใช้แล้วจะควบคุมโรคได้อย่างไร ส่วนวัคซีนในคนกำลังผลิตของต่างประเทศก็ไม่เพียงพอเช่นกัน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า 2.คุณภาพของวัคซีนที่ใช้ ซึ่งฤทธิ์ของวัคซีนต้องมีความแรง และไม่มีสิ่งปนเปื้อน แต่จากข้อมูลตั้งแต่ ม.ค. 2561 เป็นต้นมา กลับพบว่า เมื่อมีการฉีดวัควีนพิษสุนัขบ้าในสัตว์แล้ว ภายใน 1-3 วัน สุนัขกลับมีอาการป่วยและตาย โดยที่ไม่ได้เกิดจากโรคพิษสุนัขบ้าแต่อย่างใด โดยบางตัวเป็นสุนัขราคาแพง เจ้าของพามาฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นวัคซีนที่กรมปศุสัตว์แนะนำหรือแบ่งลอตมา แต่สุดท้ายเกิดอาการโคมา สมองบวมหลังฉีด ต้องเข้าไอ.ซี.ยู.สัตว์ นานถึง 1 เดือน พอรอดออกมาได้ก็เกิดอาการขาเป๋ บางตัวฉีดแล้วตาย เป็นต้น ซึ่งตรงนี้คาดว่าน่าจะมาจากวัคซีน ทำให้คนในพื้นที่เริ่มไม่มั่นใจในคุณภาพ จึงมองว่าต้องมีการตรวจสอบให้เข้มขึ้นว่า ลอตใดที่เข้ามาแล้วทำให้เกิดความผิดปกติ นอกจากนี้ ยังพบกรณีวัคซีนบางตัวที่ถูกถอนทะเบียนไปแล้ว แต่เมื่อวัคซีนขาดแคลนกลับนำเข้ามาใหม่ โดยใช้ใบอนุญาตที่ขอสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อ 7-8 ปีก่อน ก็ขอตั้งคำถามว่า มีการตรวจสอบคุณภาพมากน้อยแค่ไหนและมีความปลอดภัยแค่ไหน
“กระบวนการในการตรวจสอบวัคซีนที่นำมาใช้ต้องเข้มข้น เพราะขณะนี้ประเทศไทยก็เกิดวิกฤตเรื่องของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งไม่ใช่แค่ดูจากใบรับรองจากประเทศต้นทางว่ามีคุณภาพก็ให้นำเข้ามาได้ แต่จะต้องตรวจสอบถึงประสิทธิภาพ ความแรงของวัคซีน และความปลอดภัยด้วย ซึ่งก็มีหลายหน่วยงานที่ตรวจสอบได้ เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และต้องมีการสุ่มตรวจขณะที่มีการใช้ด้วย เพราะเมื่อเกิดโรคพิษสุนัขบ้าขึ้นมาต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในการควบคุม แต่หากมีปัญหาคุณภาพของวัคซีนก็ต้องใช้เวลามากกว่านั้น” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวและว่า ประชาชนต้องร่วมกันตรวจสอบคุณภาพวัคซีนด้วย และก็ต้องดูแลตัวเอง เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าสุนัขตัวไหนมีเชื้อหรือไม่มี
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า 3.การเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย อย่างการที่ประชาชนรับประทานสัตว์ที่พบเชื้อพิษสุนัขบ้า ก็จะโทษประชาชนไม่ได้ เพราะเข้าใจว่าเป็นเขตปลอดโรค ซึ่งกรมปศุสัตว์จะประกาศพื้นที่สีแดงของการระบาดเป็นรายเดือน เช่น เดือนนี้พื้นที่เป็นพื้นที่สีแดง พอเดือนหน้าประกาศอีกพื้นที่หนึ่งเป็นสีแดง แต่ลบพื้นที่เดิม ทั้งที่จริงแล้วยังเป็นพื้นที่สีแดงอยู่ เช่นเดียวกับกรณีการตรวจหัวสุนัขที่พบเชื้อพิษสุนัขบ้าน้อยลง แต่ไม่ใช่ว่าพบการระบาดลดลง เพราะทั่วประเทศเป็นพื้นที่เสี่ยงหมด เมื่อพบสุนัขตายก็ฝังกลบทันที ไม่ได้มีการส่งหัวสุนัขตรวจ ทำให้จำนวนส่งตรวจน้อย ดังนั้น จึงต้องมาดูว่าสัดส่วนว่าจำนวนหัวสุนัขที่ส่งตรวจกับจำนวนหัวสุนัขที่ตรวจพบเชื้อเป็นอย่างไร เช่น ส่งตรวจ 10 หัวพบ 8 หัว เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งที่กังวล คือ กรมปศุสัตว์ต้องยอมรับว่าทำงานไม่ไหว และขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่บอกว่าตัวเองทำได้ แต่ส่งวัคซีนให้พื้นที่หรือหมู่บ้านไปฉีดกันเอง ซึ่งก็ไม่สามารถทำได้ เราะไม่มีสัตวแพทย์ และสัตวบาลก็ไม่สามารถฉีดได้ตามกฎหมาย
“ตอนนี้เราหวังพึ่งใครไม่ได้ ประชาชนด้วยกันเองต้องสอดส่อง ไม่ว่าใครจะไป ใครจะมา ผู้บริหารทั้งหลายแหล่ ตอนนี้จะมีแต่ผลงานดี ไม่พูดเรื่องแย่ เพราะถ้าหากมีการเลือกตั้งใหม่ปัญหาก็ยังวนเวียนอยู่ คนอื่นอาจจะสน แต่ผมไม่สนว่าใครจะไปใครจะมา ที่ประชาชนต้องการคือมีการปฏิบติอย่างเข้มแข็ง ถูกต้อง ให้ความปลอดภัยกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม การปฏิรูปวันนี้เดินไม่ได้เลย เพราะเกี่ยวกับทุกกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งวันนี้ก็ยังพูดแต่เรื่องดีๆ ทำทุกอย่างบรรลุวัตถุประสงค์ดี ตัวหนังสือประกาศดี ซึ่งไม่มีความหมาย ความหมายคือเราเห็นได้ว่าดีจริงหรือเปล่า เรื่องพิษสุนัขบ้าหวังว่าสถานการณ์คงดีขึ้นแต่ต้องทวงถามคือ 10 ล้านโดสนั้น ว่ามีการใช้จริง และคุณภาพดีจริงหรือไม่” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว


