ชมความงดงาม “เทียนพรรษา” อุบล

กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้บริหาร เดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และจ.อำนาจเจริญ เยี่ยมชมการทำต้นเทียนพรรษา และโบราณสถานต่างๆ

เพื่อความเป็นสิริมงคล คณะได้เดินทางมากราบสักการะพระเจ้าใหญ่ศรีเมือง พระประธานวัดทุ่งศรีเมือง จากนั้นมาชม “หอพระไตรปิฏก” ที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า หอไตรกลางน้ำ เป็นโบราณสถานที่งดงาม ดังนั้น ใครผ่านมาแถวนี้จะต้องแวะมาชมหอไตร ลักษณะเป็นศิลปะผสม 3 สกุลช่าง คือ ไทย พม่า และลาว ตัวอาคารเป็นแบบไทยภาคกลาง หลังคาชั้นลดเป็นแบบไทยผสมพม่า สร้างด้วยไม้เนื้อแข็งทั้งหลัง แกะสลักลวดลายบนหน้าบันทั้ง 2 ด้านเป็นศิลปะลาว ฝีมือช่างชั้นสูง มีความสมบูรณ์สวยงามที่สุดในภาคอีสาน ภายในเป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฏก อันเป็นคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยไม่ให้เสียหายโดยเฉพาะมดปลวกมาทำลาย จึงสร้างหอไตรขึ้นกลางสระน้ำ ที่สำคัญหอไตรหลังนี้ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อีกด้วย

จากนั้นเดินด้านหลังจะพบโรงหล่อเทียน มีช่างแกะสลักเทียนหลายคนกำลังขะมักเขม้นแกะสลักเทียนพรรษาอย่างประณีตเพื่อให้ลวดลายออกมางดงาม ซึ่งการแกะสลักเทียนนี้ได้ทำสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น รวมทั้งให้คนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์ถึงความสวยงาม และช่วยกันอนุรักษ์ประเพณีแกะสลักเทียนพรรษาสืบต่อไป

ต่อจากนั้นเดินทางมาวัดบูรพา ชมการพิมพ์เทียนต้นเทียนพรรษา โดยนายสุคม เชาวฤทธิ์ ช่างเทียนพรรษาวัดบูรพา เล่าให้ฟังว่า ทางวัดจะพิมพ์เทียนพรรษาเข้าประกวดทุกปี การพิมพ์เทียนนั้น เราจะมีแม่พิมพ์ซึ่งเป็นลายไทย เช่น เทพพนม ก้านขดใบเทศ เกลียวกนก กรุยเชิง กระจังปฏิญาณ กระจังรวน บันฟันปลา เป็นต้น โดยเปิดให้อาสาสมัคร หรือผู้สนใจ เข้ามาช่วยกันทำล่วงหน้าเดือนเศษ เพื่อให้ต้นเทียนพรรษาแล้วเสร็จทันช่วงเข้าพรรษา
“ช่วงใกล้เข้าพรรษาจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเห็นว่ากำลังพิมพ์เทียน มักจะขอลองทำ ซึ่งขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เพียงนำเทียนวางบนแม่พิมพ์แล้วใช้ขวดรีดให้เทียนเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นก็ดึงออกแล้วตัดขอบส่วนที่เกินออกก็ได้เทียนตามลวดลายตามที่ต้องการแล้ว ตรงนี้ถือว่าได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้การทำเทียนพรรษาพื้นฐานให้แก่คนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม มีบางคนขอเป็นลูกศิษย์ ผมเห็นว่าสนใจจริงจะถ่ายทอดความรู้แบบไม่หวงวิชา อยากให้ศิลปะการทำเทียนนี้อยู่คู่พระพุทธศาสนาต่อไป”

นอกจากวัดดังกล่าว ผู้ที่สนใจชมการทำต้นเทียนพรรษาของช่างเทียนตามคุ้มวัดต่างๆ วัดไชยมงคล, วัดศรีประดู่, วัดผาสุการาม, วัดแจ้ง, วัดพลแพน, วัดศรีอุบลรัตนาราม, วัดเลียบ, วัดเมืองเดช (อำเภอเดชอุดม), อำเภอบุณฑริก, วัดมหาวนาราม, วัดพระธาตุหนองบัว, วัดสุทัศนาราม เป็นต้น

นายสุคม บอกว่า ขบวนแห่เทียนพรรษา ทุกขบวนจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของอุบลราชธานี จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสกลิ่นอายธรรมและศิลปะผ่านขบวนแห่เทียนพรรษา สามารถพูดได้ว่าช่าง จิตอาสาทุกคน ตั้งใจทำ

วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 ต้นเทียนที่เข้าร่วมขบวนแห่ทุกต้น จะถูกนำมารวมกันที่ทุ่งศรีเมือง บริเวณรอบโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี ทั้งนี้ต้นเทียนตั้งโชว์ไว้ตลอดทั้งคืน เพื่อรอเข้าร่วมขบวนแห่ในตอนเช้าของวันที่ 28 กรกฎาคมนี้

“ต้นสัมโฮง” รุกข มรดกของแผ่นดิน
นายวีระ เป็นประธานพิธีเปิด “ต้นส้มโฮง” รุกข มรดกของแผ่นดิน ที่วัดดุมใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลฯ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสัมผัสธรรมชาติ เข้ามาเที่ยวต้นไม้ใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนได้จำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย

ต้นส้มโฮง หรือสำโรง มีอายุกว่า 300 ปี ลำต้นสูงชะลูด กิ่งก้านแตกแขนก ทรงพุ่มเป็นชั้น ดูคล้ายฉัตร ยืนตระหง่านงามอยู่ในวัดดุมใหญ่ มีขนาดสันรอบวงได้ 7 เมตร ความสูง 40 เมตร ให้ความร่มรื่น และเป็นต้นไม้ยึดเหนียวจิตใจของผู้คนที่มาวัดปฏิบัติธรรม และที่สำคัญยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวบ้านอีกด้วย

โบราณสถานเสมาพันปี
ต่อจากนั้นคณะได้เดินทางไปชม “เสมาพันปี” ที่วัดโพธิ์ศิลา และสินค้าทางวัฒนธรรม ต.เปือย อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ สำหรับโบราณสถานเสมาพันปี ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2545 สิ่งที่น่าสนใจ คือ ใบเสมาสมัยทวาราวดีขนาดใหญ่ สร้างจากหินทรายขาว อายุประมาณ 1,000 ปี ศิลปะขอมแบบไพรกเมง มีลักษณะเรียว ปลายแหลม คล้ายใบหอกป้าน ด้านล่างคอดส่วนฐานสลักลายดอกบัวบ้าน ใบเสมาเหนือแนวกลีบบัวสลัก แนวแกนเสมาคล้ายรูปสถูปจำลอง หรือปลียอดสถูป ด้านล่างเป็นรูปหม้อน้ำตั้งซ้อนอยู่บนองค์ระฆังคว่ำ

ในช่วงวันหยุดยาว หากยังไม่มีโปรแกรมไปไหน มาชมความงดงามขบวนแห่เทียนพรรษา จ.อุบล และแวะเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ในจังหวัดอุบลและจังหวัดใกล้เคียง