สธ.เผยไฟไหม้ชั้น 4 ตึกอุบัติเหตุ รพ.พะเยา เสียหายกว่า 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเอกสารความรู้สุขภาพ งานคุณภาพของ รพ. ไม่เกี่ยวกับเวชระเบียน แต่ต้องปิดบริการทั้งตึก ย้ายจุดบริการผู้ป่วยฉุกเฉินไปอาคารสูตินรีเวชแทน ส่งผู้ป่วยไตฟอกเลือดที่ รพ.ในเครือข่าย
วันนี้ (18 ก.ค.) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ที่ รพ.พะเยา เมื่อช่วงดึกของวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า กองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างเข้าไปพิสูจน์หลักฐานของการเกิดเพลิงไหม้ บริเวณชั้น 4 ของอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เบื้องต้นคาดว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยพบว่าไม่มากนัก เนื่องจากบริเวณที่เพลิงไหม้เป็นพื้นที่จัดเก็บของโรงพยาบาล แต่ไม่ใช่ส่วนงานของเวชระเบียน ส่วนใหญ่เป็นเอกสารด้านความรู้ทางสุขภาพ ซึ่งขณะนี้ได้ปิดการใช้งานอาคารดังกล่าวทั้งหมด โดยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังส่วนอื่นแทน ยืนยันว่า รพ.ยังเปิดให้บริการตามปกติ ไม่มีกระทบต่อการดูแลผู้ป่วย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัด สธ. กล่าวว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นอาคารผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 4 ชั้น รพ.พะเยา ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากอาคาร ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยจุดเกิดเพลิงไหม้ อยู่ที่ชั้น 4 ได้รับความเสียหาย 1 ห้อง เป็นห้องเก็บเอกสารงานคุณภาพโรงพยาบาล (HA) และงานวิจัย โดยมีความเสียหายที่ผนังทั้ง 4 ด้าน โครงหลังคาเหล็ก ฝ้าเพดาน กระเบื้องมุงหลังคาของห้องโถงและห้องข้างเคียง และของใช้สำนักงานอื่นๆ ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้อยู่ระหว่างรอผลสรุปของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานคาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ ส่วนชั้นอื่นๆ ได้แก่ ชั้น 3 เป็นสำนักงาน และระบบสำรองข้อมูลหลักของโรงพยาบาล ชั้น 2 เป็นศูนย์ฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม 22 ยูนิต และชั้นล่างเป็นห้องให้บริการอุบัติเหตุฉุกเฉินและห้องตรวจศัลยกรรมฉุกเฉิน ไม่ได้รับความเสียหาย
นพ.โอภาส กล่าวว่า รพ.พะเยา ได้ปรับแผนการจัดบริการเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ โดยย้ายจุดบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินไปที่ชั้น 1 อาคารสูตินรีเวช ย้ายจุดตรวจศัลยกรรม คลินิกพิเศษเฉพาะทางไปยังอาคารที่ยังว่างอยู่ รวมทั้งประสานดูแลผู้ป่วยที่มารับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมวันละประมาณ 40 คน ไปยังโรงพยาบาลในเครือข่าย ได้แก่ โรงพยาบาลเชียงคำ โรงพยาบาลค่ายขุนเจืองธรรมิกราช จังหวัดพะเยา และโรงพยาบาลพะเยาราม จัดระบบส่งต่อผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลเชียงคำ และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นอกจากนี้ โยธาธิการจังหวัดได้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารแล้วพบว่าไม่มีผลกระทบ อยู่ระหว่างการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ ระบบสำรองข้อมูลหลักของโรงพยาบาลจะสามารถเปิดใช้งานในช่วงบ่ายวันนี้ และคาดว่าจะเปิดให้บริการตามปกติได้ภายใน 1-2 วันนี้
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี นั้น ไม่ได้เกิดเพลิงไหม้ตัวอาคารแต่อย่างใด แต่มีเพลิงไหม้สายไฟฟ้าแรงสูง บริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณใกล้อาคารตึก 7 ชั้น 3 ส่งผลต่อการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังตึกผู้ป่วยนอกและห้องพิเศษ ทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จึงได้ย้ายจุดตรวจผู้ป่วยนอกที่รอการตรวจรักษา จากชั้น 2 ลงมาที่ชั้นล่าง ขนย้ายผู้ป่วยที่ใช้รถนอนและรถนั่ง ระหว่างรอการไฟฟ้ามาซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ขาด และกลับมาเปิดบริการได้ตามปกติตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้แล้ว