ก.แรงงาน เผยยอด “ลูกจ้างเหมาบริการ” ทุกกระทรวงมีกว่า 4.75 แสนคน เป็น สธ. มากที่สุด มีหลากหลายวิชาชีพ ทั้งครู พยาบาล รับกระทรวงแรงงาน มี 1,650 คน เร่งเสนอกรมบัญชีกลาง ก.พ. ปรับระเบียบให้ได้สิทธิสวัสดิการ ส่วนกระทรวงอื่นค่อยดำเนินการต่อไป
วันนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมแนวทางการปรับปรุงสิทธิประโยชน์พนักงานจ้างเหมาบริการให้ทัดเทียมกับลูกจ้างส่วนราชการอื่น ว่า จากการรายงานข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า กระทรวงแรงงานมีพนักงานจ้างเหมาบริการ จำนวน 1,650 คน มีบางส่วนที่มีการจ้างเหมาทำของ หรือการจ้างบริการ ซึ่งตามระเบียบจะไม่ครอบคลุมสิทธิสวัสดิการต่างๆ จึงได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อหาทางออก โดยที่ประชุมมีมติให้กระทรวงแรงงานจัดทำข้อเสนอให้พนักงานจ้างเหมาได้รับสิทธิประโยชน์ให้ทัดเทียมกับลูกจ้างส่วนราชการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้ดำเนินการในภาพรวม
“นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ปัจจุบันมีพนักงานจ้างเหมาบริการตามส่วนราชการทั่วประเทศที่ยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ รวม 475,828 ราย อาทิ พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้าง พยาบาลจ้างเหมา ฯลฯ โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีจำนวนตัวเลขมากที่สุด ทั้งนี้ การดำเนินการให้พนักงานจ้างเหมาบริการได้รับการคุ้มครองทางสิทธิประโยชน์ จะต้องมีระเบียบออกมารองรับ ดังนั้น กระทรวงแรงงาน จึงได้ส่งหนังสือไปยังกรมบัญชีกลาง ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เนื่องจากเป็นผู้ออกระเบียบในเรื่องของการจ้างทำของหรือจ้างเหมาบริการ ไม่ครอบคลุมสวัสดิการ” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จ้างเหมาบริการควรจะได้รับ คือ สิทธิในการรักษาพยาบาลและสิทธิเงินทดแทนที่จำเป็นต้องรับมากกว่านี้ ทั้งนี้ จะเร่งแก้ไขในกระทรวงแรงงานก่อน ส่วนกระทรวงอื่น กระทรวงแรงงานคาดหวังให้มีการขับเคลื่อนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขเร่งด่วน
ด้าน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เคยมีผู้มาร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงาน โดยการจะดำเนินการในภาพรวม กระทรวงแรงงานไม่มีอำนาจ เนื่องจากติดขัดเรื่องระเบียบ จึงทำได้เพียงการจุดประกายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงระเบียบ โดยหวังให้หน่วยราชการอื่นๆ ปฏิบัติตาม