โดย...ผศ.นพ.จุลจักร ลิ่มศรีวิไล
ภาควิชาอายุรศาสตร์
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นภัยเงียบ เนื่องจากเป็นมะเร็งที่พบบ่อย และระยะแรกไม่มีอาการ กว่าจะรู้ตัวเมื่อเกิดอาการชัดเจน โรคก็อาจลุกลามไปแล้ว การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ๆ หรือระยะก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งย่อมรักษาได้
ปัจจุบันสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่จะส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงอาจเป็นปัจจัยที่เกิดจากภายในที่ควบคุมไม่ได้ และปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้
ปัจจัยภายใน ได้แก่ อายุที่มากขึ้น หรือการที่มีประวัติของคนในครอบครัวหลาย ๆ คนมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนปัจจัยภายนอก ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน โรคเบาหวาน การกินอาหารบางชนิด เช่น เนื้อแดง คือ เนื้อวัวหรือเนื้อหมู เนื้อแปรรูปต่าง ๆ เช่น ไส้กรอกหรือแฮม การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ครับ
อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่ อาการที่เกิดจากก้อนนั้นมีเลือดออก ถ่ายเป็นเลือด ซีด โลหิตจาง ถ้าก้อนนั้นโตขึ้นจนกดเบียดลำไส้ใหญ่ ก็จะทำให้ลำไส้ใหญ่มีขนาดเล็กลง จึงมีอาการปวดท้อง ท้องผูก ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือท้องโตขึ้นเนื่องจากมีอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้
อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นเมื่อมะเร็งลุกลามไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่แนะนำให้มีอาการเหล่านี้แล้วค่อยมาตรวจเนื่องจากเป็นมะเร็งที่พบบ่อย จึงแนะนำให้มาตรวจคัดกรองตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีอาการ เพื่อจะทำให้พบโรคในระยะต้นหรือตอนที่ยังไม่กลายเป็นมะเร็ง ลักษณะนี้จะเหมือนกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เรามักไปตรวจคัดกรองตอนที่เรายังไม่มีอาการ
ปัจจุบันมีวิธีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หลัก ๆ 2 วิธี ซึ่ง 2 วิธีนี้แต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน คือ
1.การตรวจอุจจาระ เป็นการตรวจหาเลือดออกแฝง มีข้อดีคือสะดวก แต่ความแม่นยำในการตรวจหารอยโรคน้อย ถึงแม้ผลจะตรวจเป็นปกติแต่ต้องมาตรวจซ้ำทุกปี แต่ถ้าผิดปกติก็ต้องตรวจต่อด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่
2.การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เป็นการตรวจดูว่าในลำไส้มีก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อหรือไม่ การตรวจวิธีนี้มีความแม่นยำในการตรวจหารอยโรคสูงมาก แต่ต้องใช้เวลาเตรียมตัว ถ้าตรวจแล้วผลเป็นปกติก็สามารถสบายใจและอีก 5 - 10 ปีข้างหน้าค่อยมาตรวจซ้ำ
การวินิจฉัยจะใช้การตรวจส่องกล้องเป็นหลัก ถ้าส่องกล้องไปแล้วพบรอยโรคที่ผิดปกติ คุณหมอจะทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจและทำการวินิจฉัยเพื่อรักษาต่อไป
การรักษา ส่วนใหญ่จะใช้การผ่าตัด เพื่อตัดก้อนเนื้อนั้นออก ส่วนการให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสงจะขึ้นอยู่กับระยะและตำแหน่งของโรค
การปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มีดังนี้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิน รับประทานอาหารคลีน อาหารไฟเบอร์ เนื้อสัตว์ควรเป็นเนื้อปลา แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ได้ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการตรวจคัดกรองยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำให้ทุกท่านที่อายุ 50 ปีขึ้นไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
******
กิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
#ตั้งแต่บัดนี้ ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล ประเภทผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลศิริราช ขอให้นำบัตรประชาชนแบบ Smart card มาแสดงสิทธิทุกครั้งในการรักษาพยาบาล หากท่านไม่ได้นำบัตรประชาชน หรือเอกสารที่กรมบัญชีกลางกำหนด หรือบัตรประชาชนหาย ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วนำใบเสร็จรับเงินไปเบิกกับส่วนราชการต้นสังกัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมบัญชีกลาง โทร. 0 2270 6400 (ในวันเวลาราชการ)
#จัดอบรมเชิงปฏิบัติ เรื่อง "Essential skills for clinical teachers รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 23 - 24 พฤษภาคม 2561 ณ ห้องประชุมสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ชั้น 2 ขอเชิญอาจารย์แพทย์ผู้สนใจสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ http://www1.si.mahidol.ac.th/…/con…/conference/sm_index.php สอบถามเพิ่มเติม โทร. 024199978 / 024196637 (สุวรรณี, พิราวรรณ) หรือ e-mail : shee.mahidol@gmail.com