กทม. เผยแนวโน้ม “ไฟไหม้” จากไฟฟ้าลัดวงจรเพิ่มขึ้นทุกปี เผยปี 60 เกิดขึ้น 783 ครั้ง ล่าสุด 3 เดือนแรกปี 61 เกิดแล้ว 137 ครั้ง จับมือ สสส. มูลนิธิสื่อสังคม ร่วมรณรงค์ป้องกันการเกิดอัคคีภัยในชุมชน เน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ทั้งสายไฟฟ้า ปลั๊กไฟ เตาแก๊ส เครื่องใช้ไฟฟ้า หวังลดอุบัติการณ์ ลดความสูญเสีย
วันนี้ (2 พ.ค.) กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิสื่อสังคม แถลงข่าวการประสานความร่วมมือในการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัยในชุมชน เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอัคคีภัย
นายวันชัย ถนอมศักดิ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า อัคคีภัยหรือเพลิงไหม้ เป็นภัยที่ใกล้ตัว เกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยครั้ง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และความประมาทขาดความระมัดระวัง ปัจจุบันมีแนวโน้มความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในชุมชน อาคารสูง และบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โดยในปี 2558 มีเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร จำนวน 646 ครั้ง ปี 2559 เหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร จำนวน 681 ครั้ง และในปี 2560 ที่ผ่านมามีสถิติการเกิดเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร จำนวน 783 ครั้ง โดยสถิติเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจรในพื้นที่ กทม. ของปี 2561 ตั้งแต่ ม.ค.- มี.ค. 2561 มีเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร จำนวน 137 ครั้ง โดยสถิติผู้เสียชีวิตที่เกิดจากเหตุอัคคีภัย ในปี 2560 มีจำนวนผู้เสียชีวิต จำนวน 23 ราย ผู้บาดเจ็บ จำนวน 117 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเพียงแค่ จำนวน 11 ราย ผู้บาดเจ็บ จำนวน 135 ราย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ก่อให้เกิดผลกระทบอีกหลายด้าน ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต คุณภาพชีวิต และมีค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยา ตลอดจนการฟื้นฟูบูรณะอีกมากมาย
“กทม. มีนโยบายด้านความปลอดภัย ที่มุ่งให้ชีวิตปลอดภัย ทรัพย์สินปลอดภัย ชุมชน และสังคมปลอดภัย โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องอัคคีภัยในชุมชนซึ่งมีความเสี่ยงสูง เพราะบ้านเรือนส่วนมากสร้างจากไม้และมีระยะชิดกัน หากเกิดเพลิงไหม้จะลุกลามอย่างรวดเร็ว ใน กทม. มีชุมชนจำนวนมากถึง 2,067 ชุมชน มีจำนวนครัวเรือนรวมทั้งสิ้นกว่า 473,684 ครัวเรือน มีประชากรราว 5,686,464 คน การกระตุ้นให้สมาชิกของแต่ละชุมชนมีจิตสาธารณะในการช่วยกันเฝ้าระวังและดูแลชุมชน ตลอดจนการร่วมมือกับทุกภาคส่วน จะช่วยป้องกันการเกิดอัคคีภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. กล่าวว่า อัคคีภัยเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ที่ทาง สสส. ภายใต้แผนการจัดการความปลอดภัยและปัจจัยเสี่ยงต่อสังคม มีจุดเน้นการดำเนินงานด้านการส่งเสริมให้ความรู้ที่เหมาะสมด้านภัยพิบัติกับสาธารณะ ความรู้ การเตรียมความพร้อมและการป้องกันภัยภาคปฏิบัติกับประชาชน ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีทั้งกาย จิต ปัญญา และสังคม และมีเป้าหมายในการลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทย จึงสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ โดยมุ่งเน้นที่การให้ความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันและระงับอัคคีภัย รวมถึงการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยเมื่อเกิดเพลิงไหม้ โดยมีภาคีหลักคือมูลนิธิสื่อสังคม ที่ทำงานขับเคลื่อนรณรงค์ร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และสมัชชาสภาองค์กรชุมชน ภาคกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องมาหลายปี
นายวิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับปีนี้ สสส. และภาคีเครือข่าย ได้จัดทำสื่อรณรงค์ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ ภายใต้แนวคิด ‘ยิ่งรู้ยิ่งรอด ปลอดอัคคีภัย’ ซึ่งจะนำไปเผยแพร่ผ่านเครือข่ายและช่องทางสื่อต่างๆ ทั้งของ กทม., สสส. และ มูลนิธิสื่อสังคม ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความระมัดระวังในการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ ใส่ใจในการเลือกซื้อและใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างถูกต้องเหมาะสม และหมั่นตรวจตราบ้านเรือน พร้อมทั้งร่วมช่วยกันดูแลความปลอดภัยในชุมชนอย่างเข้มแข็งต่อไป ยกตัวอย่าง การใช้ปลั๊กพ่วงอย่างปลอดภัย คือ 1. ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีคุณภาพ มีเครื่องหมาย มอก. 2. ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงแบบม้วนสายในตลับกลม ควรใช้แบบรางที่มีสวิตช์เปิดปิดและฟิวส์ช่วยป้องกันการใช้ไฟเกิน 3. ห้ามนำปลั๊กพ่วงที่ชำรุดมาใช้งาน
4. ห้ามใช้ปลั๊กพ่วงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมาก เช่น ตู้เย็น ปั๊มน้ำ ควรเสียบกับเต้ารับโดยตรง 5. ห้ามนำรางปลั๊กพ่วงไปติดแบบถาวรหารือเดินสายไฟปลั๊กพ่วงติดกับผนังห้อง ฝ้า เพดาน ใต้พื้น ใต้พรม เพราะถูกออกแบบมาสำหรับใช้ชั่วคราว 6.ปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มาเสียบกับปลั๊กพ่วงต้องแน่น ไม่หลวม 7.ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงต่อกันหลายเส้นเพื่อให้สายยาวขึ้น 8. ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ และควรถอดปลั๊กพ่วงออกจากเต้าเสียบหลักที่ผนัง อย่าเสียบทิ้งไว้ 9. ควรปิดสวิตช์ก่อนเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้ากับปลั๊กพ่วง เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ และ 10.ถ้ามีสิ่งผิดปกติขณะใช้งาน เช่น สายไฟร้อน มีเสียงดัง เกิดประกายไฟ ให้หยุดใช้งานทันทีแล้วปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้า และถอดปลั๊กพ่วงที่ติดกับผนังออกเพื่อความปลอดภัย
ด้าน พ.ต.ท.บุญเรือง แสงดาว ที่ปรึกษามูลนิธิสื่อสังคม กล่าวว่า เราเน้นการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพของชุมชน โดยให้ความรู้ ทั้งด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมในการป้องกัน ระงับเหตุ และเรียนรู้วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเพลิงไหม้ในชุมชน เช่น การดับเพลิงขั้นต้น การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รวมถึงการทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีการจัดทำแผนที่ชุมชนและเส้นทางอพยพ การทำบัญชีรายชื่อกลุ่มอ่อนแอที่ต้องช่วยเหลือก่อนเมื่อเกิดเหตุ เตรียมขั้นตอนการอพยพ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นต้น โดยมีการฝึกซ้อมสถานการณ์สมมติร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในพื้นที่ ได้รับความสนใจจากชุมชนในเขตต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เข้าร่วมฝึกอบรมมากขึ้นในแต่ละปี โดยส่วนใหญ่เป็นชุมชนแออัดที่มีความเสี่ยงต่ออัคคีภัยสูง ซึ่งได้นำความรู้ไปใช้ในการเฝ้าระวังภัย ในชุมชน เช่น การช่วยกันดูแลสอดส่องเหตุผิดปกติ การสำรวจจุดชำรุดของสายไฟฟ้าและปลั๊กไฟ การใช้เตาแก๊สและเครื่องไฟฟ้าอย่างปลอดภัย การตรวจสอบถังดับเพลิง และมีการรณรงค์และถ่ายทอดความรู้ไปยังครอบครัวและเพื่อนบ้านในชุมชน ผ่านการประกาศเสียงตามสาย หรือการบอกต่อด้วย