เราอาจจะคิดว่า เราเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่หนักแน่น เข้มแข็ง มั่นคง สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง และเมื่อประสบกับปัญหาเราก็สามารถต่อสู้เอาชนะอุปสรรคปัญหาต่างๆได้มากกว่าการจะมาร้องไห้ตีโพยตีพาย แต่แท้จริงแล้วถึงแม้ว่าความจริงที่ว่าการร้องไห้ไม่ใช่ทางออกที่จะแก้ปัญหาส่วนใหญ่ได้นั้น แต่การร้องไห้จะส่งผลดีต่อเราโดยตรง อีกทั้งการร้องไห้เป็นการระบายอย่างหนึ่ง ซึ่งประโยชน์ของการร้องไห้มีคุณค่ามากกว่าที่เราคิด ดังนี้
1.การร้องไห้เป็นการปลดปล่อยความเครียด การร้องไห้นั้นจะช่วยปลดปล่อยระบายอารมณ์เครียดออกมาได้ซึ่งหลังจากที่เราร้องไห้แล้ว จิตใจเราจะรู้สึกสงบลง และร่างกายของเราจะรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เรารู้สึกสบายขึ้น ทำให้เราเป็นอิสระ สามารถคิดสิ่งต่างๆได้อย่างปลอดโปร่ง และหาคำตอบได้หลังจากที่ได้ร้องไห้ระบายออกมา
2.การร้องไห้จะช่วยให้เราได้แสดงตัวตนจริงของเราออกมา หลายครั้งที่เราต้องเก็บกดความรู้สึกต่างๆเอาไว้ เช่น เรื่องที่ทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ ผิดหวัง ขมขื่นใจ ซึ่งแท้จริงแล้วคนเราเกิดมาพร้อมกับอารมณ์ความรู้สึกมากมายหลากหลายแบบ เช่น ความเศร้า ความเจ็บปวด ความหงุดหงิดใจ ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความเหงา หากเราปิดกั้นหรือบดบังการทำงานของประสบการณ์ทางอารมณ์เหล่านี้ โดยการบังคับเก็บกดไว้ไม่ให้อารมณ์เหล่านี้แสดงออกมา จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นในบางครั้งเราจึงต้องระบายออกด้วยการร้องไห้เสียน้ำตาบ้าง เพื่อที่เราจะได้แสดงตัวตนอารมณ์ของเราออกมาจริงๆ
3.การร้องไห้เป็นการแสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ เมื่อคนที่เรารักใกล้ชิดกับเราประสบกับการสูญเสีย ความเศร้าสะเทือนใจจนร้องไห้ออกมา เราอาจจะร้องไห้ไปกับเขาเพราะมีความรู้สึกร่วมไปกับคนเหล่านั้นด้วย ซึ่งเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางความรู้สึกของเราต่อคนเหล่านั้นและเปิดตัวของเราเองกับคนอื่น เป็นประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราจริงใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเขา
กล่าวโดยสรุปคือ การร้องไห้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้ปลดปล่อยความทุกข์ออกมาอย่างได้ผล ยกตัวอย่าง เช่น ผู้หญิงคนหนึ่งค้นพบว่าแฟนของเธอนั้นมีผู้หญิงอื่นจากข้อความที่ส่งมาในโทรศัพท์ เธอระเบิดความโกรธของเธอออกมา และในเวลาเดียวกันเธอโกรธตัวเธอเองด้วย เพราะว่าเธอได้เพิกเฉยต่อปัญหาที่ซ่อนไว้นี้เป็นเวลานานแล้ว หลังจากนั้นเธอได้มีโอกาสไปหาเพื่อนของเธอและเธอเศร้าโศกเสียใจ เธอได้ระบายความรู้สึกของเธอออกมาด้วยการร้องไห้และด้วยคำพูดที่พรั่งพรูออกมา เช่น ความโกรธต่อแฟนของเธอ ความรู้สึกสับสนและรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว เพื่อนของเธอได้ให้กำลังใจให้แก่เธอ เธอเริ่มหยุดร้องไห้ ร่างกายของเธอรู้สึกเหนื่อยอ่อน แต่หลังจากนั้นเธอรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอพร้อมที่จะเผชิญและแก้ปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนได้
ถึงแม้ว่าการร้องไห้อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้แต่ก็สามารถเปลี่ยนอารมณ์และประสบการณ์ในชีวิตของตัวเราเองได้ อีกทั้งทำให้เรามองเห็นภาพต่างๆในมุมมองใหม่ๆ และเสริมกำลังให้เรามีความคิดทางบวกที่จะก้าวไปในอนาคตได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ