xs
xsm
sm
md
lg

ออมสินไม่รับข้อเสนอลดดอกเบี้ย-ขยายเวลาชำระ “หนี้ครู”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ออมสินไม่รับข้อเสนอลดดอกเบี้ย - ขยายเวลาชำระ “หนี้ครู” สกสค. เล็งเชิญ ผอ.ธนาคารออมสิน ธปท. ร่วมหารือ พร้อมเร่งทำหนังสือถึง บ.หนองคายน่าอยู่ให้รีบซื้อหุ้นคืน สั่งตรวจสอบเงินกองทุน ช.พ.ส. หลังหาหลักฐานทางบัญชีไม่ได้ ด้าน อค. จ่อเชิญโรงพิมพ์รัฐ 3 แห่ง ร่วมประกวดราคาจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน วิทย์ คณิต ภูมิศาสตร์ อีก 1 ล้านเล่ม มั่นใจทันก่อนเปิดเทอม

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูแลบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จัดทำข้อเสนอต่อธนาคารออมสินในการแก้ปัญหาหนี้ครู โดยขอให้ลดดอกเบี้ยหรือขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป หากใช้แนวทางพักชำระหนี้ 3 ปี เช่น สัญญาเดิมกำหนดชำระหนี้ 30 ปี ให้ขยายเป็น 33 ปี มิเช่นนั้น หากพักชำระหนี้ 3 ปี ปีที่ 4 ครูจะต้องรับภาระหนี้สินมากกว่าเดิม

วันนี้ (26 ก.พ.) นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ สกสค.และคณะกรรมการบริหารองค์การค้า (อค.) ของ สกสค. ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ล่าสุดธนาคารออมสินยืนยันกลับมาแล้วว่า ไม่สามารถลดดอกเบี้ย หรือขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปตามที่สำนักงาน สกสค. เสนอได้ โดยให้เหตุผลว่า การลดดอกเบี้ยอาจทำให้ธนาคารมีความเสี่ยง ส่วนที่ไม่ขยายเวลาการชำระหนี้ ธนาคารชี้แจงว่า ขอให้ยึดตามสัญญาเงินกู้ที่ทำปัจจุบัน ซึ่งกำหนดว่า หากผู้กู้ยังสามารถชำระเงินได้ตามเงื่อนไขในสัญญานี้ ไม่มีเหตุผิดนัดสัญญา และผู้กู้หรือผู้ให้กู้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้บอกเลิกสัญญาให้ถือว่า สัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ต่อไปคราวละ 1 ปีต่อไป ซึ่ง นพ.ธีระเกียรติ ค่อนข้างกังวลกับเรื่องดังกล่าว จึงขอให้สำนักงาน สกสค. เชิญผู้อำนวยการธนาคารออมสินมาหารือ และเชิญผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าร่วมหารือด้วย เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีแนวโน้มพูดคุยกับสถาบันการเงินอื่นหรือไม่ นายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ    

นายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีการขายหุ้นคืนให้แก่บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ซึ่งกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซื้อจากบริษัทหนองคายน่าอยู่ ราคาหุ้นละ 25 บาท รวม 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนบ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย โดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนภายในระยะเวลา 5 ปีนั้น  ขณะนี้บริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ ยังไม่มีการทำแผนการซื้อหุ้นคืนมายังสำนักงาน สกสค. และยังไม่มีการชำระหนี้คืนแม้แต่งวดเดียว ที่ประชุมจึงมีมติให้สำนักงาน สกสค. ทำหนังสือถึงบริษัท หนองคายน่าอยู่ฯ ว่า สำนักงาน สกสค. จะขายหุ้นคืน รวมถึงจะพิจารณาว่า จะประกาศขายหุ้นคืนเป็นการทั่วไปด้วย แต่จะต้องดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อยากให้เป็นการขายหุ้นเพียงครั้งเดียวจบ ไม่ทยอยขายตามข้อตกลงเดิม  ส่วนจะขายในราคาที่ซื้อคือ 25 บาท หรือขายในราคาพาท์ 10 บาทนั้น ส่วนตัวอยากให้ขายในราคาที่ซื้อมา ซึ่งตอนนี้คงยังตอบไม่ได้ว่าจะขายราคาเท่าไร

นายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ สำนักงาน สกสค.รายงาน ผลการตรวจสอบการเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ตามโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษากรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ปี 2558 ที่ได้จ้างบริษัทเอกชนตรวจสอบซึ่งทางบริษัทแจ้งว่า ไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอเพื่อเป็นเกณฑ์ในการแสดงความเห็นได้ ดังนั้น ที่ประชุมมีมติให้ สกสค.ไปตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยให้ไปดูว่าในการดำเนินการตรวจสอบที่ผ่านมา ที่ทางบริษัทขอเรียกดูเอกสารต่างๆ และไม่ได้รับนั้น เป็นเพราะเหตุผลใด เช่น เอกสารไม่มีอยู่จริง มีการสูญหาย หรือไม่มีการส่งมอบให้ ตรงนี้ต้องไปดูข้อเท็จจริง ถ้ากรณีเอกสารสูญหายให้ดำเนินการแจ้งความด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สกสค. ไม่เคยดำเนินการตรวจสอบระบบบัญชีของโครงการ ช.พ.ส. เลย จึงต้องการใช้เป็นข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ที่ประชุมมอบหมายให้ สกสค.ไปจัดระบบฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและทันสมัย โดยปัจจุบัน ช.พ.ส.มีบัญชีที่เหลือทั้งหมด ประมาณ 18,000 บัญชี  จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดประมาณ 3.8 แสนคน

“สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการบริหาร อค. นั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ อค. จ้างโรงพิมพ์ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ในการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนที่มีการปรับปรุงเนื้อหาบางส่วน คือ กลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์ ประมาณ 8 ล้านเล่ม จากจำนวนที่ต้องจัดพิมพ์ทั้งหมดประมาณ 9 ล้านกว่าเล่ม เนื่องจากทาง อค. ประเมินแล้วว่า มีความสามารถในการจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าวได้เพียง 1 ล้านกว่าเล่ม หากไม่จ้างโรงพิมพ์มาร่วมจัดพิมพ์จะไม่สามารถพิมพ์หนังสือได้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ อค. ทำหนังสือ เชิญโรงพิมพ์ของรัฐไม่เกิน 3 แห่งเข้าร่วมประกวดราคา ภายในสัปดาห์นี้ คาดว่า จะสามารถจัดพิมพ์หนังสือได้ทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561” นายพินิจศักดิ์ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น