ภาคีเครือข่ายผู้ปกครองฯ ขอบคุณมูลนิธิฯ ไม่นิ่งเฉยแก้ปัญหาเซนต์คาเบรียล จับตาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เรียกร้อง 3 ข้อ กำหนดเวลาตรวจสอบชัดเจน ตั้งคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ พร้อมหนุนเอกสารหลักฐานทุกอย่าง
หลังจากมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย มีหนังสือคำสั่งมูลนิธิฯ 2 ฉบับ คือ มูลนิธิจะเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาใน ร.ร.เซนต์คาเบรียล โดยให้ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียลปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และแต่งตั้ง ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย ประธานมูลนิธิฯ ในฐานะผู้รับใบอนุญาต ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ แต่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คำสั่งไม่ได้มีการอนุมัติให้ภราดาวินัย วิริวิทยาวงศ์ ยุติบทบาท ผอ.ร.ร.เซนต์คาเบรียล อย่างชัดเจน และมีอำนาจบริหารงบประมาณ เพราะไม่ได้แต่งตั้งภราดาสุรสิทธิ์ ทำหน้าที่ผู้จัดการที่ดูแลงบประมาณ
วันนี้ (24 ก.พ.) นายเกษม แจ่มนิลกุล ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายครู ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียน ร.ร.เซนต์คาเบรียล กล่าวภายหลังการประชุมภาคีเครือข่ายฯ ว่า จากหนังสือคำสั่งมูลนิธิฯ ทั้ง 2 ฉบับโดยเฉพาะการที่ภราดาสุรสิทธิ์ เข้ามาทำหน้าที่รักษาการ ผอ.ร.ร.เซนต์คาเบรียล แทนนั้น แสดงให้เห็นว่ามูลนิธิฯ ให้การตอบรับต่อข้อเรียกร้อง และไม่รู้สึกติดใจกับเนื้อหาในคำสั่ง เพราะก็ชัดเจนว่าภราดาสุรสิทธิ์ จะมีบทบาทในการบริหารโรงเรียนเซนต์คาเบรียลต่อจากนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นตรงกันในการออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 6 เพื่อขอบคุณที่มูลนิธิฯ ไม่นิ่งนอนใจ ในการเข้ามาจัดการและแก้ไขปัญหาในโรงเรียนเซนต์คาเบรียล พร้อมกันนี้ มีข้อเรียกร้องเพิ่มเติมอีก 3 ประเด็น คือ
1. ขอให้ทางมูลนิธิฯ กำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหา เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้อง และบุคคลทั่วไปสามารถติดตามได้ 2. การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขอให้คัดเลือกคนกลางผู้ทรงคุณวุฒิ หรือบุคคลที่มีความเป็นกลางเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ และ 3. ภาคีเครือข่ายฯ พร้อมให้การสนับสนุนทางมูลนิธิฯ ในการร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง การให้ข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการนำไปทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
“นับแต่มีการชุมนุมเรียกร้องจนถึงวันนี้เป็นเวลา 5 - 6 วันแล้ว ถือได้ว่าเดินมาไกลพอควร ในการยื่นข้อเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง สังคมได้เข้ามาตรวจสอบปัญหา เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะเอาชนะใคร หรือมีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เพราะลูกๆ ของพวกเราเรียนที่นี่ ผู้ปกครอง นักเรียน ศิษย์เก่าทุกคนรักสถาบันแห่งนี้ แต่เมื่อเกิดการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ขาดธรรมาภิบาล ก็อยากจะเรียกร้องให้เร่งแก้ไขทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งเวลานี้มูลนิธิฯก็ตอบรับจะเข้ามาดำเนินการแล้ว และเชื่อว่าทางมูลนิธิฯจะดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วและรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตามอง” นายเกษม กล่าวและว่า ส่วนก่อนหน้าที่มีการรณรงค์ให้ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียน ร่วมลงรายชื่อสนับสนุนให้มีการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบริหารงานของโรงเรียนเซนต์คาเบรียลนั้น ล่าสุดรวบรวมได้แล้วกว่า 1,000 รายชื่อ และยังไม่ยุติการลงชื่อ
นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารงานของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เป็นอำนาจของทางมูลนิธิฯ แต่ได้มีการหารือร่วมกันในระดับหนึ่งกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยจะทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบ แต่ไม่สามารถตอบแทนได้ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน แต่เชื่อว่ามูลนิธิฯจะดำเนินการตั้งคณะกรรมการฯโดยเร็ว จากนั้นก็จะแจ้งให้ สช. ทราบต่อไป
“ส่วนประเด็นตั้งข้อสังเกตว่าคำสั่งไม่ชัดเจน ภราดาวินัย ยังคงมีบทบาทอยู่นั้น เรื่องนี้ก็คล้ายกับการสอบสวนของระบบราชการเมื่อมีการตรวจสอบเรื่องใด และผลการตรวจสอบยังไม่มีการสรุปชัดเจน ว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหากระทำผิดหรือไม่อย่างไร ก็ไม่สามารถให้สิ้่นสุดในหน้าที่นั้นได้ แต่ก็จะมีการย้ายชั่วคราวเพื่อเปิดทางการให้ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งกรณีโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ทางภราดาสุรสิทธิ์ ประธานมูลนิธิฯก็ได้มาทำหน้าที่รักษาการแทน” นายชลำ กล่าว