xs
xsm
sm
md
lg

พ่อญี่ปุ่นเตรียมส่งพี่เลี้ยงทำความคุ้นเคย “เด็กอุ้มบุญ” 13 คน หลังศาลตัดสินให้เป็นผู้ปกครอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ชิเกตะ” พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่นเตรียมส่งพี่เลี้ยงมาทำความคุ้นเคย "เด็กอุ้มบุญ" 13 ราย อธิบดีกรมกิจการเด็กฯ ชี้ต้องมาทำความคุ้นเคยก่อน 7 วันเพื่อให้ปรับตัวหากันได้ ก่อนให้รับไปเลี้ยงดู เผยพ่อญี่ปุ่นเตรียมพาไปเลี้ยงดูที่มวกเหล็ก สระบุรี เล็งพากลับญี่ปุ่นในอนาคต เชื่อเด็กไม่มีปัญหาปรับตัว ล่าสุด พัฒนาการดี แข็งแรงสมวัย

จากกรณีศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำตัดสินให้เด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญทั้ง 13 คน เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายแต่เพียงผู้เดียวของ นายชิเกตะ มิตซูโตกิ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น ที่ได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองเด็ก เนื่องจากเป็นเจ้าของเชื้ออสุจิจริง และเด็กเกิดก่อนที่จะมีการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558

วันนี้ (20 ก.พ.) นายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า เบื้องต้นทางกรมฯ ได้มีการหารือกับตัวแทนของผู้ร้องขอเป็นผู้ปกครองแล้ว ว่าจะส่งพี่เลี้ยงมาทำความคุ้นเคยและฝึกอบรมกับพี่เลี้ยงของทางสถานสงเคราะห์ที่ดูแลเด็กทั้ง 13 คนอยู่ ซึ่งอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด 12 คน และสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ จ.เชียงใหม่ อีก 1 คน เนื่องจากขณะนี้เด็กดังกล่าวมีอายุประมาณ 3 ขวบ 8 เดือน ถึง 4 ขวบ 6 เดือน และมีความคุ้นเคยกับพี่เลี้ยงของเรา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะส่งพี่เลี้ยงมาฝึกอบรมและทำความคุ้นเคยเมื่อไร แต่เบื้องต้นคงต้องมาทำความคุ้นเคยกับเด็กและอบรมอยู่ประมาณ 7 วันก่อน ซึ่งขณะนี้เด็กทั้งหมดมีพัฒนาการสมวัยแข็งแรงดี และดีกว่าเด็กคนอื่นด้วย

นายวิทัศน์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบทางนายชิเกตะ ได้มีการเตรียมที่พักสำหรับเด็กทั้ง 13 คนไว้แล้วที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งหลังจากที่พี่เลี้ยงมาทำความคุ้นเคยแล้วก็คงจะมีการรับเด็กไปดูแลที่บ้านพักที่นั่น โดยทางกรมฯ จะส่งพี่เลี้ยงของเราที่ดูแลเด็กตามไปดูแลด้วยในระยะต้น จนกว่าเด็กจะมีความคุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ พี่เลี้ยงใหม่ และผู้ปกครองแล้วจึงถอนตัวออกมา สำหรับสัดส่วนของพี่เลี้ยงเด็กที่ต้องดูแลนั้นต้องมองว่ามี 6 คน แบ่งเป็น 2 ผลัด ผลัดละ 3 คน โดยพี่เลี้ยง 1 คนดูแลเด็ก 4 คน ทั้งนี้ เด็กไม่น่ามีปัญหาเรื่องการปรับตัวทั้งต่อสถานที่ ผู้ปกครอง และเด็กอีกคนที่มาจากเชียงใหม่ เนื่องจากวัยเท่านี้เป็นวัยที่สามารถปรับตัวได้ง่าย ซึ่งโครงการครอบครัวบุตรบุญธรรมเองเด็กก็อยู่ช่วงอายุราว 3 - 6 เดือน เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา

เมื่อถามว่าจะต้องมีการติดตามดูแลเด็กที่เกิดจากอุ้มบุญดังกล่าวไปจนถึงเมื่อใด นายวิทัศน์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วจะติดตามไปจนกว่าเด็กจะอยู่กับผู้ปกครองได้ไม่มีปัญหา ผู้ปกครองดูแลเด็กเหมือนเป็นลูกจริงๆ ส่วนที่นายชิเกตะจะมีการนำเด็กทั้ง 13 คน กลับไปเลี้ยงดูที่ญี่ปุ่น หรือขอสัญชาติญี่ปุ่นให้แก่เด็กก็สามารถทำได้ เพราะศาลก็ตัดสินแล้วว่าเป็นผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว และที่มีการยื่นเรื่องดำเนินการมานานขนาดนี้ก็เชื่อว่าคงมีการเตรียมความพร้อม และมีการส่งครูมาสอนภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นให้แก่เด็ก โดยทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการสร้างบ้านที่โตเกียว เพื่อรองรับการเลี้ยงดู ซึ่งหลังจากที่ย้ายเด็กไปญี่ปุ่นก็อาจมีการติดตามดูว่าเด็กสามารถปรับตัวได้หรือไม่ โดยจะขอให้สถานทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นช่วยติดตาม ส่วนเรื่องการบอกความจริงแก่เด็กว่าเกิดโดยการอุ้มบุญนั้นก็เป็นหน้าที่ของทางผู้ปกครอง ซึ่งระหว่างนี้คงจะมีการให้คำแนะนำถึงวิธีในการบอกให้เด็กเข้าใจด้วย ทั้งนี้ เคสนี้คาดว่าเป็นเคสที่มีการทำเด็กอุ้มบุญมากที่สุด และจะเป็นเคสสุดท้าย เนื่องจากเด็กเหล่านี้เกิดก่อนมีการบังคับใช้กฎหมายอุ้มบุญ

นายชิเกตะ มิตซูโตกิ - แฟ้มภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น