กรมการแพทย์ แนะผู้สูงอายุต้องดูแลสุขภาพช่องปากตนเองอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ควรพบทันตแพทย์ทุก 4 - 6 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพฟันและช่องปากให้แข็งแรงอยู่เสมอ
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้สูงวัยของประชากรไทยในปี 2558 พบว่า มีประชากร 65.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป 11 ล้านคน หรือร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด ประเด็นสำคัญคือประชากรไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และปัญหาสุขภาพช่องปากหรือฟันเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต ในเบื้องต้น การดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ เริ่มจากการดูแลความสะอาดของฟัน อุปกรณ์ทำความสะอาด ควรเลือกแปรงสีฟันที่มีขนาดเหมาะกับช่องปาก ขนแปรงนิ่ม ควรเปลี่ยนแปรงสีฟัน เมื่อขนแปรงบานหรือมีอายุการใช้งาน 2 - 3 เดือน สำหรับผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอมควรทำความสะอาดฟันปลอม ด้วยการแช่ในน้ำสะอาดและควรถอดฟันปลอมอย่างน้อยวันละ 4 - 8 ชั่วโมง ไม่ควรใส่ฟันปลอมนอนเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อราในช่องปากได้ ส่วนผู้สูงอายุที่ชอบรับประทานอาหาร ระหว่างมื้อ ควรเลือกอาหารกลุ่มธัญพืช ถั่ว นม และผลไม้ที่รสไม่หวานจัด เช่น พุทรา ชมพู่ มันแกว เป็นต้น เพราะนอกจากจะมีผลดีต่อช่องปากแล้ว ยังมีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ รวมทั้งมีเส้นใยช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อย่างปกติ
ด้าน ทันตแพทย์ บุญชู สุรีย์พงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเสริมว่า ถ้าหากดูแลไม่ถูกวิธี อาจสูญเสียฟัน รวมถึง ฟันผุ / รากฟันผุ โรคปริทันต์ มะเร็งช่องปาก ภาวะน้ำลายแห้ง ฟันสึก และควรเลือกใช้เครื่องมือช่วยทำความสะอาดฟันเพิ่มเติม เช่น แปรงซอกฟัน ทำความสะอาดฟันที่เป็นช่องมีเหงือกร่น หรือฟันห่าง รวมถึงการทำความสะอาดกระพุ้งแก้มไปจนถึงโคนลิ้น เพื่อขจัดอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่ตกค้าง และควรรับประทานอาหารเป็นมื้อไม่กินจุบจิบ เพื่อลดการตกค้างของเศษอาหารบริเวณช่องปาก ที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ เคี้ยวหมาก การรับประทานอาหารที่มีรสหวานหรือมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ ควรพบทันตแพทย์ทุก 4 - 6 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพฟันและช่องปากให้แข็งแรงอยู่เสมอ