จับแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพ “คนไทย” กว่า 1,609 คน พบ “พม่า” เยอะสุด ด้านจีน เวียดนามนิยมทำร้านอาหาร อินเดียเร่ขายของ แฉคนไทยยอมเป็นนอมินีให้ต่างด้าวมาเป็นเจ้าของร้าน คุมกิจการเองทั้งหมด
วันนี้ (19 ม.ค.) นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน และ โฆษกกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวกรณีแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย ว่า ปัจจุบันประเทศไทยอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวทำได้เพียง 2 อาชีพเท่านั้น คือ กรรมกร และ คนรับใช้ในบ้าน ส่วนการขายของ การเปิดร้านต่างๆ รวมถึงงานฝีมือ ช่างตัดผม งานที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ไทย ยังไม่ได้มีการปลดล็อก ยังสงวนไว้ให้คนไทยทำ แต่ที่ผ่านมาพบการกระทำผิดลักลอบทำงานต้องห้ามแนวโน้มมากขึ้น โดยสามารถจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 1,609 คน เป็นพื้นที่ กทม. มากที่สุด จำนวน 738 คน และภูมิภาครวมแล้ว 871 คน เป็นสัญชาติพม่ามากที่สุด 600 คน รองลงมา กัมพูชา 430 คน ลาว 235 คน และอื่นๆ อีก 344 คน
"ขณะนี้พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม อินเดีย จีน และลาว เข้ามาประกอบอาชีพลักษณะเป็นเจ้าของร้านขายอาหาร เจ้าของร้านในตลาดสด เจ้าของร้านในตลาดนัด โดยการจ้างคนไทยให้ทำสัญญาการเช่า หรือการจ้างเป็นนายจ้าง และแรงงานต่างด้าวดำเนินการกิจการเองทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อและจำหน่าย โดยเริ่มจากการเป็นลูกจ้าง เมื่อมีทุนก็จะเซ้งร้าน เซ้งแผงขายของ แต่ยังถือใบอนุญาตทำงาน โดยมีคนไทยสมยอมเป็นนายจ้างให้ และพบว่า แรงงานจีน เวียดนาม ส่วนใหญ่ลักลอบทำงานในร้านอาหาร ธุรกิจการท่องเที่ยว เป็นมัคคุเทศก์ และบริการบีบนวดตามห้องน้ำ แรงงานสัญชาติอินเดียลักลอบทำงานเร่ขายของทั่วไป ขายผลไม้ ขายถั่ว ขายโรตี ซึ่งเป็นงานห้ามแรงงานต่างด้าวทำ” นางเพชรรัตน์ กล่าว
นางเพชรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการลงโทษแรงงานต่างด้าวที่ทำงานผิดประเภทจะมีโทษปรับ 2 พัน - 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคนที่รับเป็นนอมินีให้แรงงานต่างด้าวนั้น ยอมรับว่า มีเยอะเหมือนกัน และได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านแรงงาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ยึดหลักกฎหมายอย่างเข้มข้น ห้ามแรงงานต่างด้าวทำอาชีพต้องห้ามซึ่งเป็นการแย่งอาชีพของคนไทย โดยหารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงทหารในการออกตรวจและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังทุกพื้นที่
