xs
xsm
sm
md
lg

ไทยส่งยาต้านพิษ “โบทูลินัม” ช่วยผู้ป่วยไนจีเรียตาม WHO ขอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไทยส่งยาต้านพิษ “โบทูลินัม” ช่วยผู้ป่วยไนจีเรีย หลังองค์การอนามันโลกประสานขอความช่วยเหลือ จัดส่งถึงใน 3 วัน ช่วยผู้ป่วยได้ทันเวลา

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2561 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้รับการประสานงานจากผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยขอรับการช่วยเหลือยาต้านพิษให้ประเทศไนจีเรีย โดยได้รับการแจ้งว่ามีผู้ป่วยชาวไนจีเรีย 3 ราย ได้รับพิษโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว 1 ราย และกำลังรักษาอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู. 2 ราย เนื่องจากมีภาวะระบบการหายใจล้มเหลว ทาง ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี ได้ประสานงานเพื่อยืนยันการวินิจฉัยอาการกับทางผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไนจีเรีย ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นพิษจากโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) จริง ต่อมา สปสช. จึงประสานงานองค์การสัชกรรมและผู้เกี่ยวข้องเพื่อส่งยาโบทูลินัมแอนตีท็อกซิน (Botulinum antitoxin) จำนวน 4 vial หรือ 4 หลอดไปประเทศไนจีเรีย เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 และผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไนจีเรียได้รับยาแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ในที่สุด

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินเพิ่มการเข้าถึงยาต้านพิษของประเทศไทยและการสำรองคลังยาต้านพิษของไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างเครือข่ายยาต้านพิษอันประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช สภากาชาดไทย หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรมและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่เพียงช่วยชีวิตผู้ป่วยรับพิษในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่ขอความช่วยเหลือได้ทันสถานการณ์แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศต่างๆ ที่มีความจำเป็นได้อีก เช่นในกรณีนี้ คือ ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศในทวีปแอฟริกา องค์การอนามัยโลกก็ประสานงานมายังประเทศไทยเพื่อให้การช่วยเหลือ และสามารถประสานงานและดำเนินการจัดส่งได้ภายในเวลา 3 วัน ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันเวลา

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า การสำรองยาต้านพิษไว้นั้น เป็นหลักประกันอย่างหนึ่งที่สำคัญสำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ได้รับพิษ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากยาต้านพิษเป็นกลุ่มยากำพร้าที่มีราคาสูงมากและไม่ได้หาซื้อได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างยาโบทูลินัมแอนตีท็อกซิน (Botulinum antitoxin) มีราคา vial หรือหลอดละ 120,000 บาท ประเทศไทยเคยเผชิญกับสถานการณ์นี้เมื่อปี 2549 ที่ จ.น่าน ที่มีผู้ป่วยได้รับพิษจากเชื้อคลอสทริเดียม โบทูลินัม เป็นจำนวนมาก ผู้ป่วยได้รับพิษจากหน่อไม้ปี๊บ ซึ่งเชื้อตัวนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมไปถึงกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ หากรุนแรงก็ทำให้หายใจเองไม่ได้ ซึ่งปีนั้นมีผู้ป่วยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจมากถึง 40 กว่าคน ไม่ใส่เครื่องช่วยหายใจอีก 50 - 60 คน

ในขณะนั้น กรมควบคุมโรคต้องหาซื้อยาดังกล่าวจากหลายประเทศเพื่อให้เพียงพอต่อการรักษา ซึ่งกว่ายาจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลาถึง 6 วันหลังจากมีอาการป่วย จึงเป็นบทเรียนให้เรารู้ว่าจะต้องมีการสำรองยาต้านพิษไว้ สปสช.จึงได้มีการพูดคุยกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี, กระทรวงสาธารณสุข และองค์การเภสัชกรรม กระทั่งสามารถจัดทำระบบสำรองยาต้านพิษได้ในปี2554 เป็นต้นมา เมื่อมีผู้ป่วย หน่วยบริการสามารถโทรศัพท์มาประสานเพื่อส่งยาได้ หากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงก็สามารถส่งได้ผ่านรถฉุกเฉิน หากทางไกล อย่างกรณีที่สมุย ก็จัดส่งทางเครื่องบิน โดยความร่วมมือขององค์การเภสัชกรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น