เปิดชีวิต “หมูแม่พันธุ์” เลี้ยงในซองแคบๆ ผิดวิถีชีวิตหมู ทำเครียดรุนแรง เสี่ยงติดเชื้อ ต้องมใช้ยาปฏิชีวนะ กระทบคุณภาพ “เนื้อหมู” องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ผุดโครงการรณรงค์ยกเลิกเลี้ยงหมูยืนซอง ระหว่างและหลังออกลูก เป็นเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม ช่วยได้เนื้อหมูคุณภาพดีกับผู้บริโภค
นายสมศักดิ์ สุนทรนวภัทร หัวหน้าฝ่ายโครงการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) กล่าวว่า โดยธรรมชาติของหมูนั้น เป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็น และมีความเฉลียวฉลาดอย่างมาก พวกมันสามารถทำสิ่งต่างๆ สำเร็จได้เร็วกว่าเด็กวัย 3 ขวบ และสามารถประมวลผลและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทัดเทียมกับลิงชิมแปนซี จมูกของหมู มีความอ่อนไหวและมีประสาทสัมผัสที่ดี สามารถรับรู้กลิ่นได้ดีเยี่ยม การเดินสำรวจพื้นดินหรืออาหารนั้นมีส่วนสำคัญต่อพฤติกรรมของหมูเป็นอย่างมาก และเมื่อไหร่ตามที่มีโอกาส พวกมันก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นกับพื้นดินและสำรวจไปรอบๆ ขณะเดียวกัน หมูเป็นสัตว์สังคมโดยธรรมชาติของมันชอบที่จะอยู่เป็นกลุ่มประมาณ 6 ตัว ในการเลี้ยงเชิงพาณิชย์ที่มีการเลี้ยงหมูเป็นกลุ่มขนาดใหญ่นั้น พวกมันจะตั้งกลุ่มย่อยๆ เฉพาะเพื่อนๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ที่สำคัญหมูเป็นสัตว์ที่สะอาด พวกมันต้องการพื้นที่สะอาดเพียงพอสำหรับแยกเป็นพื้นที่ สำหรับนอน กินอาหาร สำรวจ เล่น และขับถ่าย พวกมันชื่นชอบพื้นที่สะอาด แห้ง สะดวกสบาย สำหรับการพักผ่อน
“จากธรรมชาติของหมูที่กล่าวมานั้น เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับการเลี้ยงในภาคอุตสาหกรรมอาหารของบ้านเรา จะเห็นได้ว่าการดูแลหมูเหล่านั้นดูห่างไกลจากวิถีชีวิตตามธรรมชาติของหมูอย่างสิ้นเชิง ทำให้ทางองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก มีแนวคิดริเริ่มโครงการรณรงค์ยกเลิกเลี้ยงยืนซองหมูแม่พันธุ์ โดยใช้ชื่อโครงการ Raised with Care ด้วยแนวคิดว่าสัตว์ในฟาร์มควรมีคุณภาพชีวิตที่ดี การเลี้ยงหมูแบบรวมกลุ่ม มีพื้นที่เคลื่อนไหวได้มากขึ้น จะทำให้หมูเครียดน้อยลง ทำให้ลูกหมูหย่านมได้เร็วและมีน้ำหนักที่ดีกว่าการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการเลี้ยงที่แออัดเกินไปหรือเลี้ยงในกรงแคบๆ หรือที่เรียกว่าหมูยืนซอง จะส่งผลให้หมูเกิดความเครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันและสุขภาพของหมูแย่ลง เพราะเหตุนี้เลยเป็นต้นเหตุของการใช้ยาปฏิชีวนะในอัตราที่สูง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของเนื้อหมูที่ได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โครงการ Raised with Care หรือ การเลี้ยงอย่างใส่ใจนั้น คือการเลี้ยงให้หมูแม่พันธุ์ไม่ถูกขังในซองขณะตั้งครรภ์ขณะคลอดและให้นมลูกหมู ควรให้มันสร้างที่อยู่เองและเลี้ยงลูกของมันได้อย่างธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ควรมีพื้นที่ให้พวกมันได้เคลื่อนไหว หมุนตัว พักผ่อนกับเพื่อนๆ แสดงออกตามธรรมชาติได้ เช่น เดินสำรวจ หาอาหาร เลือกพื้นที่ๆ เหมาะสำหรับนอน เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงประสบการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับลูกหมู เช่น การตัดฟัน ตัดหาง หรือตัดหู เราหาวิธีอื่นๆ ที่ชดเชยได้
“การดำเนินงานโครงการฯ ทางองค์กรจะมีผู้เชี่ยวชาญจากโครงการฯ ไปให้ความรู้ความเข้าใจกับฟาร์มหมูชั้นนำ เพื่อยกระดับการเลี้ยงดู และใส่ใจในสวัสดิภาพของชีวิตหมูในฟาร์มมากขึ้น ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยอย่างเบทาโกร ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ล่าสุด ทางองค์กรฯ ได้ชวน เชฟบุ๊ค - บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต เชฟชื่อดังจากรายการ Food Work เข้ามาร่วมโครงการนี้ด้วย ซึ่งในฐานะผู้คลุกคลีในวงการอาหารและต้องเป็นผู้คัดเลือกวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ผมเชื่อว่า เขาจะสื่อสารข้อมูลโครงการนี้ได้อีกทางหนึ่ง ในส่วนของภาคประชาชน สามารถเข้าร่วมสนับสนุนโครงการฯ กับเราได้ตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้ฟาร์มเลี้ยงหมูใส่ใจในการเลี้ยงดูมากขึ้น และรวมถึงชักชวนให้ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำต่างๆ ส่งเสริมการจำหน่ายเนื้อหมูที่เลี้ยงอย่างถูกต้องและได้มาตรฐานความปลอดภัย”
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมรณรงค์โครงการ Raised with Care ผ่านการเข้าชมและแชร์คลิปวีดิโอสั้นๆ ที่เพื่อชักชวนให้มาลงชื่อ สนับสนุนโครงการ ที่เน้นการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ส่วนเนื้อหารายละเอียด ของโครงการสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/WorldAnimalProtectionThailand และร่วมลงชื่อสนับสนุนโครงการที่ www.worldanimalprotection.or.th/raised-with-care