“บิ๊กอู๋” มอบนโยบาย 7 ข้อประกันสังคม เร่งดำเนินการให้สำเร็จดีขึ้น ชมบริหารกองทุนได้กำไร 5.8 หมื่นล้านบาท บอกอย่าเพิ่งทวงหนี้ที่รัฐติด
วันนี้ (17 ม.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่า ขอฝากการทำงาน 7 ข้อ เพื่อให้ สปส. ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น คือ 1. การผลักดันให้แรงงานนอกระบบ เข้าถึงหลักประกันสังคมอย่างทั่วถึง 2. สร้างการรับรู้ให้ประชาชน เข้าใจสิทธิประโยชน์ของการประกันสังคม รวมทั้งปรับปรุงและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และคืนสิทธิให้ผู้ประกันตน มาตรา 39 ได้กลับสู่ระบบประกันสังคม 3. การยกระดับสายด่วน 1506 ให้เป็นสายด่วนกระทรวงแรงงาน วิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียน สามารถให้ข้อมูลโต้ตอบอัตโนมัติ สะดวก รวดเร็ว เชื่อมโยงทั่วโลก
4. การพัฒนาองค์กร ที่มีประสิทธิภาพสูง ทันสมัย คล่องตัว โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล 5. การบริหารการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทน ให้ สปส. เตรียมการและจัดทำแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ 6. การจัดทำข้อมูล Big Data เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ขอให้เชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้มากที่สุด และ 7. การจัดสวัสดิการสำหรับบุคลากรในองค์กรอย่างครบถ้วน
“ที่ผ่านมา สปส. สามารถสร้างผลตอบแทนกองทุนประกันสังคมได้ประมาณ 58,000 ล้านบาท โดยคำนวณผลตอบแทนตามมาตรฐานบัญชีภาครัฐคิดเป็นร้อยละ 5.07 และมีผลตอบแทนตามมูลค่าตลาดเท่ากับร้อยละ 6.01 ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่มีอัตราร้อยละ 0.67 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่มีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 1.37 สำหรับกองทุนเงินทดแทน ปัจจุบันมีเงินลงทุน 55,775 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินสมทบจากนายจ้าง 38,214 ล้านบาท และดอกผลจากการลงทุนสะสม 17,561 ล้านบาท เงินลงทุนแบ่งออกเป็นหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงร้อยละ 75 หลักทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 25 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ทั้งนี้ กองทุนเงินทดแทนสามารถสร้างผลตอบแทนในปี 2560 อยู่ประมาณ 1,886 ล้านบาท มีผลตอบแทนตามมาตรฐานบัญชีภาครัฐเท่ากับร้อยละ 4.80 และมีผลตอบแทน ตามมูลค่าตลาดเท่ากับร้อยละ 5.68 ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเฉลี่ย ขอชื่นชมที่ดำเนินการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่คุ้มค่า” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว
ทั้งนี้ ภายในการประชุม พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวติดตลกกับ นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการ สปส. ว่า ทราบว่า รัฐบาลยังค้างเงิน สปส. แต่อย่าเพิ่งทวงนะ ซึ่งดูจากตัวเลขการบริหาร สปส. ก็ยังกำไรถึงครึ่งหนึ่ง ถือว่าน่าชื่นชม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เคยออกมาให้สัมภาษณ์และพูดถึงกรณีรัฐบาลยังค้างจ่ายเงินสมทบในส่วนเงินสมทบภาครัฐกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่ทางเลขาธิการ สปส. ระบุว่า เป็นของรัฐบาลยุคเก่า แต่ยุคนี้ให้เงินเพิ่มขึ้นมากกว่ายุคก่อนๆ
นพ.สุรเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมา สปส. ดำเนินการหลายๆ เรื่อง อาทิ การสร้างการรับรู้เรื่องสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชน การเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ การยกระดับสายด่วน 1506 ให้เชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยงานในกระทรวงแรงงาน การจัดทำบิ๊กดาต้า และเรื่องสำคัญคือการผลักดันให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงหลักประกันทุกคน โดยแก้ไขการเข้าถึงและความคุ้มครองตามมาตรา 40 ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอต่อรัฐบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ คาดว่า จะเสร็จในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าในปี 61 จะมีแรงงานนอกระบบเข้าสู่มาตรา 40 เพิ่มเติม 1 ล้านคน ปี 62 - 64 ประมาณ 5 ล้านคน และขยายให้ครอบคลุมทั้งหมด
2. เรื่องการลงทุนเพื่อเพิ่มผลกำไรให้กับกองทุน โดยสรุปผลเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 60 มีเงินลงทุน 1,762,095 ล้านบาท แบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงร้อยละ 78 หลักทรัพย์ที่เสี่ยงร้อยละ 22 และยังลงทุนไปยังตราสารต่างประเทศ ซึ่งทำให้เงินส่วนนี้เพิ่มจากร้อยละ 3 เมื่อต้นปี 60 เป็นร้อยละ 9 ในช่วงปลายปี ส่วนกองทุนเงินทดแทนมี 55,775 ล้านบาท สร้างผลตอบแทนประมาณ 1,886 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.80 หรือมีผลตอบแทนตามมูลค่าตลาดเท่ากับร้อยละ 5.68 สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม กองทุนจะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2585 แล้วจะค่อยลดการเติบโตลง การนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลกำไรเพิ่มนั้นจะช่วยขยายอายุกองทุนได้ไปเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยยืดอายุกองทุนได้คือการขยายอายุเกษียณการทำงาน