กรมสุขภาพจิต แนะ 9 วิธีเล่นกับลูก ช่วยลูกคิดเป็น คิดดี คิดต่อยอดได้ ฉลาดทั้งปัญญา - อารมณ์ - สังคม ย้ำเตือน 7 ข้อห้ามเลี้ยงลูกทำลายความคิดสร้างสรรค์ของเด็กโดยสิ้นเชิง ดับความสามารถในการเป็นผู้นำในอนาคต
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2561 นายกรัฐมนตรีได้กำหนดคำขวัญว่า รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี ซึ่งพ่อแม่นับเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาคุณภาพเด็กไทย ให้บรรลุตามคำขวัญดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีความจำเป็นมาก เนื่องจากในรอบ 10 ปีมานี้ เด็กไทยมีอัตราเกิดลดลง ข้อมูลของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2559 มีเด็กเกิดมีชีวิตทั้งหมด 666, 207 คน เฉลี่ยนาทีละ 1.26 คน ในขณะที่ในปี 2549 มีเด็กเกิดมีชีวิต 793,623 คน เฉลี่ยนาทีละ 1.5 คน การเลี้ยงดูจึงต้องเน้นอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เด็กที่เกิดในวันนี้มีศักยภาพ มีคุณภาพ มีคุณค่าและมีความสุข คุณสมบัติสำคัญที่เด็กรุ่นใหม่ควรจะมีคือความคิด 3 ด้านบวก 1 ทำ คือ คิดเป็น คิดดี คิดต่อยอด เพื่อรังสรรค์สิ่งใหม่และต้องทำเป็นด้วย
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การเลี้ยงลูกในวัยอายุต่ำกว่า 6 ขวบให้ได้ตามคุณสมบัติที่กล่าวมา พ่อแม่ควรหันมาใส่ใจเรื่องการเล่นของเด็กมากขึ้น ไม่ว่าจะเล่นคนเดียว หรือเล่นกับเพื่อน เด็กจะทุ่มเทใจและจริงจังกับการเล่นมาก เพราะการเล่นคือการทำงานของเด็ก เด็กจะคิด พลิกแพลงการเล่นตลอดเวลา ยิ่งเล่นมาก จะเกิดความชำนาญจากการค้นหา เปลี่ยน ปรับ แก้ปัญหา สร้างสรรค์สิ่งใหม่ สะสมเป็นความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ที่เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง ผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่า ยิ่งเด็กมีโอกาสเล่นมากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง กระโดด คืบคลาน เล่นดิน เล่นทราย หยิบจับสิ่งของ เล่นของเล่น เล่นตุ๊กตา เล่นตั้งเต เล่นบล็อก เล่นตัวต่อ ฯลฯ ก็จะยิ่งได้รับการพัฒนาเซลล์ประสาทในสมองที่มีนับแสนล้านเซลล์เชื่อมต่อกันเป็นร่างแห เด็กจะมีความสามารถในการคิด เรียนรู้ โดยเฉพาะการเล่นที่มีการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ร่วมกันจะทำให้การเชื่อมโยงเซลล์ประสาทเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 - 25 นอกจากนี้การเล่นของเด็กจะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาความฉลาดทางปัญญา อารมณ์ และสังคมไปพร้อมๆ กันด้วย
“ขณะนี้ยังมีพ่อแม่หลายคนที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ มีความเชื่อว่าถ้าอยากให้ลูกเก่ง ฉลาด มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทันคน ต้องให้ลูกเรียน ขวนขวายเอาความรู้ไปใส่ในสมองเด็ก บางคนให้เรียนกวดวิชาในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์เพราะกลัวลูกจะสู้คนอื่นไม่ได้ หรือบางคนมีความคิดว่าการเล่นเป็นเรื่องไร้สาระ สิ้นเปลืองเวลา ความเชื่อเช่นนี้มีผลเสียต่ออนาคตลูกมาก นอกจากทำให้เด็กเครียด เบื่อหน่ายการเรียนแล้ว ยังเป็นการบั่นทอนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่ติดตัวลูกมาตั้งแต่เกิดไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ กลายเป็นเด็กที่คิดไม่เป็น เมื่อโตขึ้นจะขาดโอกาสในการเป็นผู้นำด้วย ” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว
พญ.กุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ฐานความคิดของเด็กอายุ 3 - 5 ขวบ มาจากจินตนาการซึ่งมีในเด็กทุกคน หน้าที่ของพ่อแม่ไม่ใช่สร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้ลูก แต่มีหน้าที่ส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์โดยผ่านการเล่น ด้วยวิธีปฏิบัติ 9 ประการ ได้แก่ 1. จัดมุมเล่นบทบาทสมมติในบ้านหรือห้องเรียน พร้อมอุปกรณ์ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์ที่ใช้วาดรูป ยิ่งมากยิ่งหลากหลาย เด็กจะสร้างสรรค์ได้มากเท่าที่จินตนาการจะพาไป การเล่นสวมบทบาทเป็นคนอื่นหรือตัวละครจากนิทาน การวาดรูป ระบายสี ปั้นแป้ง จะช่วยให้เด็กแสดงออกถึงความคิด 2. เล่นกับลูกเมื่อลูกชวนเล่นตามเรื่องที่เด็กสร้างขึ้น โดยให้ลูกเป็นผู้นำการเล่น เพื่อให้เด็กใช้ความคิดและจินตนาการอย่างเป็นอิสระ หากพ่อแม่เป็นผู้นำการเล่นเอง จะขัดขวางจินตนาการของเด็ก 3. เตรียมอุปกรณ์ต่างๆเพื่อให้เด็กเล่นสร้างบ้าน เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่เด็กรู้สึกผ่อนคลายอบอุ่นและปลอดภัย เด็กจะใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างบ้านแบบต่างๆ ที่เด็กฝันอยากจะมี
4. ส่งเสริมให้ลูกเล่นของเล่นอย่างอิสระ เช่นบล็อก ตัวต่อเลโก้ ดินน้ำมัน หรือเล่นทราย ที่สามารถต่อหรือสร้างเป็นอะไรก็ได้ ของเล่นประเภทนี้จะช่วยให้เด็กใช้ความคิด จินตนาการอย่างไม่มีข้อจำกัด 5. เล่นเล่าเรื่องคนละประโยคหรือเล่นต่อเพลง เด็กจะได้รับการกระตุ้นให้คิด 6. พาเด็กไปสัมผัสธรรมชาติให้มากเท่าที่จะทำได้ เช่นไปเที่ยวสวนสาธารณะ สวนสัตว์ ทะเล น้ำตก ป่า ความหลากหลายในธรรมชาติ มีทั้งพืช สัตว์ ก้อนหิน ดินทราย ถือเป็นครูทางจินตนาการของเด็ก ฝึกให้เด็กช่างสังเกต กระตุ้นความอยากในการเรียนรู้ 7. ใช้หัวใจมองเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในตัวลูก รักเขาตามที่เขาเป็น อย่าใช้ความคาดหวังของพ่อแม่ตัดสินลูกหรือเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น เพราะเด็กมีความพิเศษต่างกัน ที่สำคัญ เด็กที่ฉลาด มักคิดต่างจากใครๆโดยเฉพาะผู้ใหญ่ 8. สร้างบรรยากาศแห่งความรักความอบอุ่นในครอบครัว เด็กจะได้ทั้งอาหารใจและยาบำรุงสมองชั้นดีด้วย 9. ควรฝึกให้ลูกรู้จักการสังเกต รู้จักตั้งคำถาม และคอยตอบคำถามของลูกด้วยความรักและความใส่ใจ
พญ.กุสุมาวดี กล่าวต่อว่า วิธีการเลี้ยงดูลูกที่พ่อแม่ไม่ควรนำมาใช้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นตัวการทำลายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในตัวลูก มี 7 ข้อ ดังนี้ 1. รักและปกป้องลูกมากเกินไป เช่น เลี้ยงแบบคุณหนู ไม่กล้าให้ลูกทำอะไร หรือตีกรอบให้ลูกทำตาม 2. บังคับขู่เข็ญ ดุดัน เจ้าระเบียบมากเกินไป 3. มองการกระทำหรือการเล่นของลูกเป็นเรื่องไร้สาระและน่ารำคาญ 4. เคี่ยวเข็ญเรื่องเรียน เร่งให้ลูกปฐมวัยอ่านออกเขียนได้เร็วๆ 5. เห็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็กเป็นเรื่องของเด็กดื้อ ต่อต้าน ไม่ฟังคำสั่ง 6. ไม่สนใจต่อความรู้สึกและความต้องการของลูก และ 7. ให้อิสระหรือตามใจลูกมากเกินไปจนขาดการสร้างวินัยและความรับผิดชอบ