คปค. เผยปี 61 เตรียมเดินหน้าเรียกร้องเพิ่มสิทธิประโยชน์ “ผู้ประกันตน” อีกหลายประเด็น ทั้งเพิ่มเงินชราภาพ การตรวจสุขภาพประจำปีให้ตรงโรคจากการทำงาน การตรวจสุขภาพช่องปากและรักษาทันตกรรมตามจำเป็น ไม่มีเพดานค่ารักษา พร้อมจี้ สปส. ปรับการดำเนินงาน 3 เรื่อง แก้ กม.ประกันสังคมทั้งฉบับใหม่ จี้เลือกตั้งบอร์ดใหม่ คืนประชาธิปไตยผู้ประกันตน
วันนี้ (12 ม.ค.) ในงานแถลงข่าวประมวลผลงานปฏิรูปประกันสังคม “2 ปี 3 ม.ปฏิรูปประกันสังคม” นายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) กล่าวว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คปค. ร่วมผลักดันให้เกิดการปฏิรูปประกันสังคมหลายเรื่อง ทั้งการออกอนุบัญญัติ หรือกฎหมายลูกตาม พ.ร.บ. ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 ที่มีความล่าช้า ซึ่งความจริงจะต้องออกให้ได้ 20 ฉบับ ใน 180 วันที่บังคับใช้ แต่ปัจจุบันออกประกาศใช้ได้ 12 ฉบับ หรือเพียง 60% โดย 8 ฉบับที่ยังไม่มีการบังคับใช้ทำให้ผู้ประกันตนเสียสิทธิและเข้าไม่ถึงบริการเป็นจำนวนมาก เช่น สิทธิประโยชน์ของแรงงานนอกระบบ จำนวน 3 ฉบับ โดยค้างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากว่า 8 เดือนแล้ว กรณีเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากบริการทางการแพทย์ และการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม และการขับเคลื่อนในประเด็นต่างๆ เช่น การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
นายมนัส กล่าวว่า สำหรับปี 2561 คปค. จะเดินหน้าขับเคลื่อนใน 3 ประเด็น คือ 1. กรณีการขยายอายุรับเงินชราภาพ ซึ่งทางเครือข่ายไม่เห็นด้วย เพราะเงินไม่ได้รับเพิ่มขึ้น แต่เห็นด้วยหากขยายอายุรับเงินบำนาญชราภาพระหว่าง 55 - 60 ปี แล้วยังเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เพื่อรับสิทธิประโยชน์ใน 3 กรณี คือ ค่าปลงศพ รักษาพยาบาล และค่าทดแทนการขาดรายได้ 2. การขยายฐานเงินเดือนในการจ่ายเงินสมทบจาก 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้มีเงินสะสมชราภาพเพิ่มขึ้น และ 3. การเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.)
ทพญ.มาลี วันทนาศิริ ทันตแพทย์โรงพยาบาลลำลูกกา จ.ปทุมธานี ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่าย ฟ.ฟัน สร้างสุข กล่าวว่า การขับเคลื่อนเรื่องสิทธิประโยชน์ทันตกรรมผู้ประกันตนให้ทัดเทียมกับสิทธิการรักษาอื่น ที่ประสบความสำเร็จ คือ การไม่ต้องสำรองจ่าย แต่คลินิกที่สมัครใจเข้าร่วมยังมีน้อย แต่เชื่อว่าจะเข้ามาร่วมมากขึ้น เพราะผู้ประกันตนถามถึงมาก เมื่อคลินิกไม่เข้าร่วม ผู้ประกันตนก็ไม่เลือกรับบริการ และจะขับเคลื่อนเรื่องการตรวจสุขภาพช่องปากประจำปี และการรักษาทันตกรรมตามความจำเป็น ไม่ต้องคำนึงถึงเพดานค่ารักษา ซึ่งปัจจุบันสามารถขับเคลื่อนให้เพิ่มค่ารักษาจาก 600 บาท เป็น 900 บาทได้แล้ว เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงสิทธิทันตกรรมเท่าเทียมกับสิทธิอื่น
นายสมชาย กระจ่างแสง ตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค แม้จะมีประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ให้สามารถตรวจสุขภาพประจำปีได้ฟรี แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะผู้ประกันตนยังไม่ทราบสิทธิ ทำให้เข้าไม่ถึงบริการ และการตรวจสุขภาพยังมีข้อจำกัด เช่น เรื่องอายุเท่านี้จึงจะตรวจได้ จึงเสนอว่าต้องมีการปรับปรุง โดยเน้นการตรวจสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคจากการทำงาน ไม่ใช่โรคสากลนิยมที่ว่าวัยนี้ควรตรวจอะไร เพราะผู้ประกันตนมีตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป จึงควรตรวจโรคที่เป็นความเสี่ยงจากการทำงานมากกว่า รวมไปถึงโรคที่เป็นมากในประเทศไทย เช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ไวรัสตับอักเสบ โรคทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
นายบัณฑิต แป้นวิเศษ คณะกรรมการปฏิบัติการเครือข่ายเพื่อแรงงานข้ามชาติ กล่าวว่า คปค.ขอเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ดำเนินการ คือ 1. เพิ่มการมีส่วนร่วมแก่ผู้ประกันตนและองค์กรผู้ประกันตน ในการปฏิรูประบบและพัฒนาการสิทธิประโยชน์ 2. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพราะออกกฎหมายลูกล่าช้า และ 3.เพิ่มวิสัยทัศน์ในการด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมถึงเรียกร้องให้มีการยกร่างปรับปรุง พ.ร.บ.ประกันสังคมทั้งฉบับ และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการยกร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม
ด้าน นายภาคภูมิ สุกใส สภาพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2561 ขอให้มีการเลือกตั้งบอร์ดสปส. เพราะกฎหมายระบุไว้แล้ว ซึ่งทาง สปส. ควรดำเนินการ เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยในส่วนผู้ประกันตนเสียที เนื่องจากบอร์ดชุดเก่าหมดวาระไปตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 และไม่มีรักษาการ ก็ควรมีการเลือกตั้งบอร์ดเสียที