กรมควบคุมโรค แจงดาราติดเชื้อท้องเสียโรตา ชี้ ติดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ขึ้นกับการปฏิบัติตัว ขออย่าตื่นตระหนก ชี้ อาการเย็นเชื้อโตได้ดี โอกาสป่วยมีสูง ด้านผู้เชี่ยวชาญแจงอาจได้ผลตรวจลวง เหตุ รพ. ใช้แค่ชุดทดสอบ ต้องตรวจในแล็บชีวโมเลกุล ชี้ อาจเกิดจากเชื้อโนโรไวรัส ย้ำท้องเสียไม่มียารักษา ดูแลตามอาการ
วันนี้ (9 ม.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงกรณีการแชร์เรื่องดาราป่วยท้องเสียจากเชื้อโรตาไวรัส พร้อมระบุข้อความไม่มียารักษา ทำให้คนกังวลเชื้อมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ เนื่องจากเป็นเชื้อที่มักพบในเด็ก ว่า เรื่องนี้ขอทำความเข้าใจก่อนว่า ทุกคนต้องเคยป่วยท้องเสียด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทุกครั้งอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ในอดีตไทยมักพบการป่วยโรคท้องเสียในช่วงฤดูร้อนจากเชื้อแบคทีเรีย แต่จากการจัดระเบียบและความสะอาดมากขึ้น ทำให้อัตราการป่วยในช่วงฤดูร้อนลดลง แต่พบในช่วงฤดูหนาวที่มาจากเชื้อไวรัสเหมือนกับประเทศตะวันตก โดยมี 2 ชนิด คือ 1. โรตาไวรัส ที่พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ป่วยประมาณ 3 - 5 วัน อาการก็จะเป็นปกติ หากไม่พบอาการแทรกซ้อน การรักษาอาการท้องเสีย ไม่มียาอยู่แล้ว เป็นการรักษาตามอาการ และ 2. โนโรไวรัส พบมากในผู้ใหญ่ อาการไม่รุนแรงมาก ป่วยเพียง 3 - 5 วัน อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเช่นกัน
“ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงตื่นตระหนก เพราะตามปกติการพบโรคท้องเสียจากเชื้อโรตามีทุกปี และปีที่แล้วพบมากที่สุด ส่วนการป่วยในผู้ใหญ่ไม่ค่อยพบการติดเชื้อโรตาไวรัส แต่จะเป็นการติดเชื้อโนโรไวรัสมากกว่า การตรวจหาเชื้อโวรัสที่เป็นสาเหตุของท้องเสีย ส่วนใหญ่ตามโรงพยาบาลมักตรวจจากชุดทดสอบ แต่เพื่อการยืนยันอย่างชัดเจน ต้องตรวจจากเครื่องในห้องปฏิบัติการชีวโมเลกุลที่ให้ผลชัดเจน เพราะอาจได้ผลบวกลวงได้ ทำให้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ใหญ่จึงป่วยท้องเสียจากโรตาไวรัส ทั้งที่จริงอาจเป็นโนโรไวรัสก็ได้” ศ.นพ.ยง กล่าว
ด้าน นพ.อัษฏางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เดิมเชื้อไวรัสโรตามักพบในเด็กอายุ 3 เดือนถึงอายุ 5 ปี แต่แนวโน้มในปัจจุบันเริ่มพบในผู้ใหญ่มากขึ้น จริงๆ แล้วไม่ต้องตระหนก สิ่งสำคัญคือ การป้องกันด้วยการปฏิบัติตัว อย่างการรับประทานอาหารที่ปรุงร้อน สุกสะอาด หรือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สิ่งสำคัญเชื้อไวรัสชนิดนี้ติดต่อเข้าทางอาหารและน้ำ ดังนั้น จึงต้องแนะนำเด็กๆ ให้หัดล้างมือบ่อยๆ และการไปโรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็กต้องใช้อุปกรณ์ที่แยกจากกัน ไม่ปะปนกัน ตรงนี้จะเป็นการสร้างสุขนิสัยให้ดีตั้งแต่เด็กๆได้ และป้องกันภาวะท้องร่วงจากเชื้อไวรัสนี้ได้ ส่วนผู้ใหญ่ก็เช่นกัน หากปฏิบัติตัวไม่ดีก็ติดเชื้อได้
“พฤติกรรมการรับประทานเป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่มีทั้งร้อน ทั้งหนาว และมีฝนตก ซึ่งย่อมทำให้เชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงและแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และอาจทำให้คนที่สุขภาพไม่ดีไม่สามารถรับกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ จนทำให้เชื้อไวรัสเข้ามากระทบต่อสุขภาพ เกิดภาวะเจ็บป่วยง่ายขึ้น” นพ.อัษฎางค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพบโรตาไวรัสในผู้ใหญ่เพราะเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นพ.อัษฎางค์ กล่าวว่า เชื้ออาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ได้ ซึ่งนักวิชาการของกรมฯ ติดตามเรื่องนี้อยู่ แต่สิ่งที่อยากเตือนคือ อากาศที่เปลี่ยนแปลงมีผลมาก ต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ทานอาหารที่มีคุณค่า และอะไรที่มีความเสี่ยงต่อร่างกาย อย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่ก็ควรหลีกเลี่ยง และขอย้ำว่า เชื้อโรตาไวรัส สามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะพบในผู้ใหญ่ เพราะการเจ็บป่วยขึ้นอยู่กับร่างกาย รวมไปถึงปริมาณของเชื้อที่ได้รับ และสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยทั้งหมด ซึ่งช่วงนี้จะพบว่าคนป่วยอาหารเป็นพิษมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าอาหารเป็นพิษจะมาจากโรตาไวรัสอย่างเดียว