สธ. มอบของขวัญปีใหม่ 2561 หวังคนไทยเข้าถึงการรักษามาตรฐาน มีความรู้สุขภาพดูแลตนเอง เดินหน้าบริการผ่าตัดวันเดียวกลับ จัด 2 แอปพลิเคชันให้ความรู้เรื่องยาและสมุนไพร พร้อมอนุมัติ 7 รายการยาใหม่ 5 กลุ่มโรค ช่วยเข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น
วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ในงานแถลงข่าว “สธ. มอบของขวัญปีใหม่ 2561 สร้างสุข สร้างความปลอดภัยทั่วไทย” นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ 2561 ที่ สธ.จะมอบให้แก่ประชาชนจะเป็นเรื่องของการเข้าถึงบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ลดการรอคอย ลดความแออัดในโรงพยาบาล และการเสริมสร้างความรู้ให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเองได้ ประกอบด้วย 1. แอปพลิเคชัน “RDU รู้เรื่องยา” ช่วยให้ประชาชนรู้ข้อมูลยาที่ตนเองใช้ ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด และข่าวสารทางด้านยาที่ทันสมัย 2. แอปพลิเคชัน “สมุนไพรเฟิร์ส” ช่วยค้นหาพืชสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำเร็จรูป และแหล่งในการขาย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนึกถึงสมุนไพรไทยเป็นอย่างแรกเมื่อเจ็บป่วย และ 3. บริการผ่าตัดวันเดียวกลับบ้าน (One Day Surgery) ตั้งเป้าให้บริการในปี 2561 ให้ได้ร้อยละ 15 และเพิ่มเป็นร้อยละ 30 ในปี 2564
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ รองปลัด สธ. กล่าวว่า แอปพลิเคชัน RDU รู้เรื่องยา จะดำเนินในโรงพยาบาลสังกัด สธ. 11 แห่ง และขยายบริการเป็น 32 จังหวัดใน ก.พ. 2561 และทั่วประเทศในปี 2561 พร้อมทั้งดำเนินการในโรงพยาบาลสังกัดกองทัพ มหาวิทยาลัย และกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ จะยังส่งเสริมให้ อสม. ที่มีสมาร์ทโฟนกว่า 3 แสนคนทั่วประเทศแนะนำการใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การผ่าตัดแบบวันเดียวกลับจะไม่มีการรับเป็นผู้ป่วยในและอยู่โรงพยาบาลไม่เกิน 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มมีการดำเนินการแล้วในหลายโรงพยาบาล แต่ยังติดปัญหาด้านการเบิกจ่าย ซึ่งจากการร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำให้ปลดล็อกในเรื่องนี้แล้ว โดยจะดำเนินการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับใน 12 กลุ่มโรค คือ โรคไส้เลื่อนที่ขาหนีบ โรคถุงน้ำที่อัณฑะ โรคริดสีดวงทวาร ภาวะเลือดอกผิดปกติทางช่องคลอด โรคเส้นเลือดดำโป่งพองในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ภาวะหลอดอาหารตีบ ภาวะอุดตันของหลอดอาหารจากมะเร็งหลอดอาหาร ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ นิ่วในท่อน้ำดี นิ่วในท่อของตับอ่อน ภาวะท่อน้ำดีตีบ และภาวะท่อตับอ่อนตีบ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดเวลาการนอนพัก กลับไปทำงานได้เร็ว ญาติไม่ต้องมาเยี่ยม ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล โดย ม.ค. 2561 จะดำเนินการในโรงพยาบาลศูนย์สังกัด สธ. ทั่วประเทศก่อน และขยายไปยัง รพ. ทั่วไป ใน ก.พ. 2561
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช. ได้ปรับปรุงเงื่อนไขการเบิกจ่ายเพื่อสนับสนุนให้ รพ. ผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ โดยจะเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป โดยการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับนั้น จะดำเนินการทั้งสิทธิบัตรทอง ข้าราชการ และประกันสังคม นอกจากนี้ บอร์ด สปสช.ยังเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ยาจำเป็น 7 รายการใหม่ใน 5 กลุ่มโรค เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2560 ดังนี้ 1. ยารักษาการติดเชื้อราในกระแสเลือด ประกอบด้วย ยาโวริโคนาโซล ยาเดิมแต่เพิ่มเติมข้อบ่งใช้ในการรักษาการจากการติดเชื้อราแอสเปอจิรัสระยะลุกลามเพิ่มเป็นจากเชื้อราชนิดฟูซาเรียม Fusarium spp., Scedosporium spp. ซเก็ดโดสปอเรียม และ ยาไมคาฟังกิน ยาใหม่ ใช้เป็นทางเลือกในการรักษาการติดเชื้อราชนิด Invasive candidiasis ที่ดื้อต่อยา Fluconazole ฟลูโคนาโซล หรือไม่สามารถใช้ amphotericin B แอมเธอริซิน บี ได้
2. ยาตับอักเสบซี มียา 2 รายการ คือ ยาโซฟอสบูเวียร์ ยาใหม่ใช้ร่วมกับยาเดิม ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ทำให้รักษาหายเกินร้อยละ 90 และ ยาเม็ดผสมโซฟอสบูเวียร์และเลดิพาสเวียร์ เป็นยาสูตรผสมยาใหม่ ทดแทนยาเดิม สำหรับรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีแทนยาชนิดเดิมได้ผลเกินร้อยละ 90 3. ยาต้านไวรัสเอชไอวี คือ ยาราลทิกราเวียร์ ยาใหม่ใช้ร่วมกับยาเดิม ยาต้านไวรัสเอชไอวีสำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่ดื้อต่อสูตรพื้นฐาน 4. ยามะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ ยาริทูซิแมบ ยาใหม่ใช้ร่วมกับยาเดิมรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด DLBCL และ 5. ยาขับเหล็กในเด็ก คือ ยาดีเฟอราซีร็อกซ์ ยาใหม่ ใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่มีอาการธาตุเหล็กเกินในร่างกาย โดยยาทั้ง 7 รายการเป็นยาที่คัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญโดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ตามขั้นตอนต่างๆ ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านภาระงบประมาณ และมีการต่อรองราคายาในราคาที่ถูกลง เช่น ยา Sofosbuvir (โซฟอสบูเวียร์) ยาต้นแบบราคาเม็ดละ 1,500 บาท เหลือเม็ดละ 130 บาท เป็นต้น
