เครือข่ายแรงงานประกาศจุดยืน ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ขึ้นเท่าไรต้องหารือร่วมกัน ชี้ไทยก้าวข้ามประเทศรายได้ปานลางไม่ได้ หากค่าแรงขั้นต่ำยังไม่เพิ่ม
วันนี้ (20 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงแรงงาน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) พร้อมด้วย เครือข่ายแรงงาน เดินทางมายังกระทรวงแรงงานเพื่อร่วมแถลง “จุดยืนการปรับค่าจ้างขั้นต่ำคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงาน” ก่อนเข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อหารือประเด็นค่าจ้างขั้นต่ำในเวลา 13.00 น.
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธาน คสรท. กล่าวว่า การแสดงจุดยืนถึงการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ คือ ต้องเพิ่มเท่ากันทั่วประเทศ ยึดหลัก 1 คนเลี้ยงครอบครัวได้ 2 คน ส่วนตัวเลขที่ออกไปก่อนหน้านี้ว่า 712 บาทต่อวัน เป็นตัวเลขสำรวจแรงงาน 29 จังหวัดประมาณ 3,000 คน แต่ คสรท. ไม่ได้เสนอว่าต้องตัวเลขเท่านี้ เพียงแต่ตัวเลขจะเป็นเท่าไรต้องมาพิจารณาร่วมกัน ซึ่งหากจะพูดถึงต่อคนแล้ว เคยทำการสำรวจไว้ว่าแรงงานต้องได้ค่าจ้างขั้นต่ำประมาณ 360 บาท เนื่องจากการสำรวจหนี้แต่ละคนปัจจุบัน พบว่า มีหนี้สินเฉลี่ยต่อวันถึง 225.87 บาท โดยยืนยันว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำต้องเป็นไปตามหลักการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2560 คณะรัฐมนตรีมีมติประกาศวาระแห่งชาติ เรื่องสิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะพาประเทศให้ก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง แต่จะเป็นไปได้อย่างไรหากค่าแรงขั้นต่ำยังไม่เพิ่ม ยังมีความเหลื่อมล้ำ
“การเพิ่มค่าแรงต้องมีการตรึงราคาสินค้าควบคู่ไปด้วย ไม่เช่นนั้น ไม่เกิดประโยชน์ แต่ที่ผ่านมาเมื่อขึ้นค่าแรง รัฐบาลมักอ้างว่า สินค้าจะแพงขึ้น ทั้งที่ข้อเท็จจริง ค่าจ้างแรงงานต่อผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้นไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า รองเท้าราคา 100 เหรียญ จริงๆ มีค่าแรงเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับเพิ่มราคาสินค้า ซึ่งไม่สมควร นอกจากนี้ รัฐบาลควรกำหนดโครงสร้างค่าจ้าง และปรับค่าจ้างทุกปี เพราะหากไม่กำหนด ทำให้ลูกจ้างไม่สามารถวางแผนชีวิตล่วงหน้าได้เลย ไม่ใช่ต้องรอกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งไม่มีความแน่นอน” นายสาวิทย์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เสนอปรับค่าจ้างขั้นต่ำตามอัตราเงินเฟ้อ 3 - 5% หรือ 10 - 12 บาท นายสาวิทย์ กล่าวว่า ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น หากผลสำรวจพบว่า 712 บาทเลี้ยง 3 คนได้ แต่หากรัฐบาลมีสวัสดิการที่ดีพอ ทั้งรักษาพยาบาล การศึกษา ก็อาจลดทอนลงไป ซึ่งยังบอกตรงนี้ไม่ได้ว่า ต้องเป็นตัวเลขเท่าจึงจะเพียงพอ
น.ส.ธนพร วิจันทร์ รองประธาน คสรท. กล่าวว่า สำหรับการสำรวจแรงงานเกือบ 3,000 คน พบว่า ทุกคนล้วนมีหนี้สินมากน้อยแตกต่างกันไป บางคนมีหนี้เป็นแสน แต่เมื่อมาเฉลี่ยแล้ว จะพบว่า แต่ละคนมีหนี้อยู่ที่วันละ 225.87 บาท โดยพบว่าเป็นหนี้กู้สหกรณ์ กู้นอกระบบ และหนี้ธนาคารเป็นหลัก ดังนั้น ค่าจ้างขั้นต่ำต้องเพียงพอหลังจากหักหนี้เหล่านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอยากให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อทางอนุกรรมการเสนอเรื่องเข้ามาคณะกรรมการค่าจ้างส่วนกลางก็ไม่ได้พิจารณาตามอยู่ดี ขณะเดียวกัน ต้องรื้อคณะกรรมการค่าจ้างส่วนกลาง ณ ปัจจุบันเสีย เพราะไม่ได้มาจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง แม้จะพูดว่ามีองค์ประกอบเป็นไตรภาคี แต่ส่วนสำคัญกลับไม่มี อาทิ หอการค้า ภาคีลูกจ้าง ทั้งแรงงานนอกระบบ และในระบบ รวมทั้งนักวิชาการอิสระ จึงขอให้รื้อและตั้งเป็นคณะกรรมการค่าจ้างระดับชาติที่ครบองค์ประกอบจริงๆ