กรมแพทย์แผนไทยจัดตลาดกลาง “มหานครสมุนไพร” กระตุ้นการใช้สมุนไพรในประเทศ หลังพบคนไทยยังใช้น้อยเพียง 5 - 6% ชูผลิตภัณฑ์สมุนไพร 4 แบบทำแพกเกจจิงใหม่ ดูวัยรุ่นน่าใช้ ทั้ง “ยาหอม ยาดม ยาอม ยาหม่อง” เผย ช่วยพัฒนายาหม่องสูตรตำรับคุณแม่ดารา เป็นยาหม่องแบบแท่งเป็น “บาล์มห้ามเลือด” สูตรเก่าใช้ห้ามเลือดนักมวย ด้านอดีตปลัดพาณิชย์เสนอ สธ. เจรจาโมเดิร์นเทรด จัดงานสมุนไพรทุกเดือนกระตุ้นยอดขาย
วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวการจัดงานมหานครสมุนไพรครั้งที่ 1 ว่า ประเทศไทยนับว่าเป็นเมืองสมุนไพร แต่ไม่มีแหล่งจำหน่ายที่เป็นทางการ หรือตลาดถาวร ซึ่ง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายให้ช่วยส่งเสริมปลายน้ำ คือ เรื่องการจำหน่าย โดยเฉพาะการค้าปลีกและการทำตลาดถาวร จึงเริ่มต้นดำเนินการด้วยการจัดตลาดกลางก่อน คือ งานมหานครสมุนไพร (Herbal Biz Trade Fair) ขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 25 ธ.ค. 2560 ที่ศูนย์การค้า เดอะฮับ เซียร์รังสิต จ.ปทุมธานี เพื่อจัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรครบวงจร ส่งเสริมด้านการตลาดผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรให้เป็นที่รู้จัก และยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมให้ผู้ผลิตสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ ก็จะช่วยกระตุ้นยอดขาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย หากการจัดตลาดกลางเช่นนี้แล้วได้ผลดีก็จะขยายให้เป็นตลาดถาวร
“ตลาดส่งออกสมุนไพรของไทยมีมูลค่ามากถึง 1.8 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้เพิ่มมูลค่าเป็น 3.6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่า ภายใน 5 ปี โดยให้งบประมาณในการบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการใช้สมุนไพรให้มากขึ้น โดยเฉพาะภายในประเทศไทยที่ยังมีอัตราการใช้สมุนไพรน้อยอยู่ โดยอยู่ที่ 5 - 6% ต่างจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้มากถึง 27 - 28% ส่วนประเทศเยอรมนี และ อิตาลี ใช้มากถึง 30% เพื่อให้เป็นช่องทางในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งการส่งเสริมเรื่องของตลาดกลางเช่นนี้ สามารถช่วยกระตุ้นการใช้สมุนไพรได้ โดยแนวทางการส่งเสริมจะเป็นในกลุ่มของอาหารเสริม เวชสำอาง และ ยาสมุนไพร นอกจากนี้ ยังได้หารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการให้อาหารเสริมสมุนไพรจำนวนหนึ่ง สามารถบอกสรรพคุณว่าช่วยเรื่องอะไรได้บ้างด้วย” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับไฮไลต์ภายในงานมหานครสมุนไพร จะเป็นเรื่องของสมุนไพรมือถือ ที่มีการปรับแพกเกจใหม่ให้ดูทันสมัย ให้คนรุ่นใหม่ใช้ได้ ไม่ดูแก่ ซึ่งมี 4 ตัว คือ ยาหอม ที่ช่วยแก้วิงเวียน ท้องอืดท้องเฟ้อ ยาดม ช่วยให้สดชื่น ยาอมเลือกสรรมากว่า 20 ชนิด ผสมกานพลูช่วยให้ปากสดชื่นรักษาเหงือกและฟัน และยาหม่อง ซึ่งเดิมจะต้องใส่ในขวดแก้ว ก็พัฒนารูปแบบเป็นแบบแท่งหรือแบบลิปสติก เรียกว่า “บาล์มห้ามเลือด” ทำให้ใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมการใช้สีจากสมุนไพรเข้าสู่วงการศิลปินกลุ่มนักวาดภาพหรือจิตรกร
ภก.สมนึก สุชัยธนาวนิช ผู้อำนวยการกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร การการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า สำหรับยาหม่องที่ทำแพกเกจจิงใหม่ เป็นบาล์มห้ามเลือดนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยสูตรได้ เนื่องจากเป็นสูตรตำรับตระกูลของคุณแม่ดารานักแสดงท่านหนึ่ง ซึ่งเดิมสูตรยาหม่องนี้ใช้ในการห้ามเลือดนักมวย โดยทางเจ้าของตำรับได้เข้ามาปรึกษาในเรื่องของการทำรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ กรมฯ จึงช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มีความทันสมัยขึ้น เป็นยาหม่องแบบแท่ง คล้ายลิปสติก ทำให้ใช้งานได้ง่าย ทั้งสูดดมและทา โดยที่ไม่ต้องควักยาหม่องออกมาให้เปื้อนมือ ซึ่งภายในงานมหานครสมุนไพรได้เชิญเจ้าของตำรับมาด้วย ซึ่งอาจจะมีการพูดถึงสูตรในการทำยาหม่องด้วย
ด้าน นางพิรมล เจริญเผ่า อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากตัวเลขส่งออกสมุนไพรของไทยปี 2559 พบว่า มีแนวโน้มดีขึ้นทุกตัว โดยที่สร้างรายได้มากที่สุด คือ กลุ่มประทินผิวและผง มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท สมุนไพรวัตถุดิบและสารสกัด มูลค่า 1,000 ล้านบาท อาหารเสริม 1,000 ล้านบาท น้ำมันหอมระเหย 500 ล้านบาท ยาสมุนไพร 33 ล้านบาท ซึ่งในปี 2560 เพียงแค่ 9 เดือน ยาสมุนไพรสามารถสร้างมูลค่าได้มากถึง 85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ทั้งนี้ หลังจากเกษียณหากมองในฐานะผู้บริโภคมองว่าจะทำอย่างไรให้สมุนไพรและแพทย์แผนไทยเจาะกลุ่มวัยรุ่นในการดูแลสุขภาพได้ ซึ่งมองว่ามีหลายวิธี เช่น นำมาใช้ภายในโรงพยาบาล โดยเฉพาะสังกัด สธ. ซึ่งเท่าที่ทราบยังเน้นในแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ ซึ่งหากส่งเสริมการใช้ใน รพ. ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่น หรือ สธ. ต้องรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีรางวัล แล้วไปเจรจากับห้างใหญ่หรือห้างโมเดิร์นเทรด เพื่อจัดสมุนไพรทุกเดือน ในการเป็นเอาต์เลตเพื่อดึงลูกค้าเข้ามา หรือในสนามบินที่มีร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม อาจจะรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งหมดของอภัยภูเบศร หรือผลิตภัณฑ์ขงองผู้ประกอบการที่มีรางวัล ได้คุณภาพเข้ามาวางจำหน่ายด้วย น่าจะสามารถได้เงินจากนักท่องเที่ยวได้อีกจำนวนมาก