วธ. เผยผลพิสูจน์โบราณวัตถุ พบหลักฐานเป็นของไทย 14 รายการจาก 17 รายการ มอบกรมศิลป์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งไปยังสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทย ในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ครั้งที่ 3/2561โดยมี นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการอิสระ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายวีระ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมรับทราบ ผลการตรวจสอบตรวจพิสูจน์ ศึกษาและวิเคราะห์โบราณวัตถุ ในครอบครองของพิพิธภัณฑ์ศิลปะโฮโนลูลู (Honolulu) สหรัฐอเมริกาของคณะอนุกรรมการด้านวิชาการเพื่อติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ตามที่สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations: HSI) ขอความร่วมมือให้ไทยตรวจสอบโบราณวัตถุ จำนวน 17 รายการ ได้แก่ 1. กระดึงสำริด 2. พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย 3. พระพุทธรูปปางมารวิชัย 4. พระพุทธรูปนาคปรก 5. พระคเณศ 6. พระพุทธรูปปางยืนแสดงธรรม 7. เศียรพระพุทธรูป 8. เศียรและลำพระองค์พระพุทธรูป 9. ประติมากรรมรูปบุรุษ 10. ประติมากรรมรูปบุรุษ
11. พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 12. ลำพระองค์พระพุทธรูป 13. ลำพระองค์พระพุทธรูป 14. กำไลสำริด 15. พระโพธิสัตว์ 16. พระโพธิสัตว์ 17. เศียรพระพุทธรูป
ส่วนผลการตรวจสอบโบราณวัตถุทั้ง 17 รายการ พบว่า เป็นโบราณวัตถุที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศไทย 14 รายการ อาทิ กระดึงสำริด พบในแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในไทยอายุราว 1,500 - 2,000 ปี ได้นำมาเทียบกับกระดึงสำริดยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งพบที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย อาทิ ลพบุรี อุบลราชธานี พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย เป็นลักษณะเฉพาะที่นิยมทำในศิลปะไทยในสมัยอยุธยาตอนกลาง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 - 22 นำมาเปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาที่พบในอยุธยาและเมืองในพระราชอาณาจักร อาทิ กำแพงเพชร
พระพุทธรูปปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิบนฐาน 3 ขา อันเป็นลักษณะเฉพาะของศิลปะไทยสมัยอยุธยา สกุลช่างกำแพงเพชร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 - 22 เทียบได้กับพระพุทธรูปประทับบนฐาน 3 ขาพบที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและกำแพงเพชร พระพุทธรูปนาคปรก จัดอยู่ในศิลปะลพบุรี พุทธศตวรรษที่ 18 เทียบได้กับพระพุทธรูปนาคปรก ศิลปะลพบุรี พบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางของประเทศไทย เช่น สุพรรณบุรี นครราชสีมา
ส่วนโบราณวัตถุที่เหลืออีก 3 รายการ พบว่า ไม่น่าจะมีแหล่งกำเนิดในประเทศไทย ได้แก่ 1. พระคเณศ 2. เศียรพระพุทธรูป 3. ประติมากรรมรูปบุรุษ
“ในที่ประชุมได้เห็นชอบให้กรมศิลปากรจัดทำหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบโบราณวัตถุทั้ง 17 รายการ ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำส่งไปยัง สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ แจ้งให้รับทราบผลการตรวจสอบ” นายวีระ กล่าว
ด้าน นายอนันต์ กล่าวว่า กรณีทับหลังจากปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังจากปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ที่จัดแสดง ณ Asian Art Museum เมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหลักฐานค่อนข้างชัดว่าเป็นของไทย ทั้งนี้จะนำข้อมูลส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศต่อไป