นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ แนะกลุ่มเสี่ยงพกยาอมใต้ลิ้น “แก้หัวใจขาดเลือด” ป้องกันไม่ให้ซ้ำรอย “โจ บอยสเก๊าท์” หัวใจวายเฉียบพลัน ย้ำ ผู้ป่วยหยุดหายใจให้รีบทำ CPR ทันที
วันนี้ (11 พ.ย.) ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งระเทศไทย กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจถึงกรณีการเสียชีวิตของ โจ บอยสเก๊าท์ หรือ นายธนัท ฉิมท้วม ขณะเล่นดนตรี และเสนอว่า ควรจะนำการสูญเสียครั้งนี้มาเป็นบทเรียนในการพัฒนา จากข่าวที่ระบุว่า ผู้เสียมีชีวิตมีน้ำตาลในเลือดสูงถึง 300 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร นั้น ตนมองว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ส่วนน้ำตาลในเลือดที่สูงนั้น ไม่ได้ทำให้คนตายได้ แต่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ดังนั้น การช่วยเหลือ หากเราพบว่าผู้ป่วยมีอาการหยุดหายใจควรทำการปั๊มหัวใจ (CPR) ทันที และรีบเรียกหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินทันที หรือ โทร. 1669 แต่กว่ารถฉุกเฉินจะมาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 นาทีขึ้นไป ดังนั้น การทำ CPR จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ดังนั้น การสอนให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุเพื่อตามรถฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ระหว่างการรอรถฉุกเฉิน จะมีโอกาสเพิ่มความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ป่วย นอกจากนี้ ในไทยพบว่าเกือบครึ่ง หรือร้อยละ 45 ของการเสียชีวิตเฉียบพลัน เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งโรคนี้มักเกิดขึ้นทันทีแบบเฉียบพลัน
“ที่ผ่านมา ทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ เคยแนะนำให้คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีเริ่มมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือ หัวใจขาดเลือด ให้พกยาแก้อาการหัวใจขาดเลือด หรือ ยาไอเอสดีเอ็น (ISDN) ที่จะใช้อมไว้ใต้ลิ้น เมื่อเกิดอาการ แน่น จุกอก หายใจไม่ออก ก่อนที่จะหมดสติ หรือชัก ให้รีบอมยาไว้ใต้ลิ้นทันที ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสรอดชีวิตได้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ ได้จัดทำโครงการส่งเสริมและป้องกันคนไทยไม่ให้เจ็บป่วยฉุกเฉินขึ้นมา เพื่อพยายามผลักดันให้เกิดเป็นหลักสูตรในกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่เรื่องการป้องกันและให้มีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยฉุกเฉินด้วยสาเหตุที่ป้องกันได้ ตลอดจนสอนเรื่องการกู้ชีพฉุกเฉินขึ้น โดยมุ่งหวังให้เยาวชนไทยจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และผู้ที่มีอายุยืนยาวที่มีคุณภาพ และหากพบผู้ป่วยฉุกเฉิน ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้” ศ.นพ.สันต์ กล่าว