กรมควบคุมโรค เตือนอย่าเชื่อ มีคนติดเชื้อ “ไวรัสฮันตา” ตายในฮาวาย ชี้ เป็นข้อมูลเก่าปี 2542 และไม่เป็นความจริง เผย เป็นโรคที่พบในสัตว์ฟันแทะในป่า ไทยมีการเฝ้าระวัง ยังไม่พบชนิดก่อโรครุนแรงในคน แนะดูแลบ้านเรือนให้สะอาด ปิดถังขยะให้มิดชิด ใช้กับดักหรือเหยื่อกำจัดหนู ช่วยป้องกันโรค
วันนี้ (30 ต.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการส่งต่อเรื่องการมีผู้เสียชีวิตจากติดเชื้อไวรัสฮันตาในฮาวาย หลังถูกส่งไปทำความสะอาดที่ห้องเก็บของที่มีซากหนูแห้งตาย ว่า จากการตรวจสอบพบว่า เป็นข้อความที่ถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่ปี 2542 และนำกลับมาเผยแพร่ใหม่เป็นระยะๆ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (US CDC) ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับรายงานผู้ป่วยดังกล่าว และระบุว่าข้อความที่มีการส่งต่อกันนั้น เป็นการแพร่ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับโรคติดเชื้อไวรัสฮันตานั้นสามารถพบได้บ่อยในสัตว์ฟันแทะที่อาศัยในป่า โดยเฉพาะหนูป่าหลายชนิด ติดต่อสู่คนโดยการหายใจเอาฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนอุจจาระ ปัสสาวะ และน้ำลายของสัตว์ฟันแทะที่มีเชื้อ และจากการถูกสัตว์ฟันแทะกัด หรือรับเชื้อผ่านทางผิวหนังที่มีแผล ทางจมูกและตา รวมถึงการติดต่อจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ ซึ่งเชื้อไวรัสนี้สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน แต่ไม่พบว่ามีการติดต่อจากคนสู่คน อาการที่พบมีตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงรุนแรง อาการรุนแรงจะเกิดที่ปอดหรือไต ในระยะแรกจะมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อาจมีอาการมึนงง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และในรายที่รุนแรงจะทำให้เกิดเลือดออกที่ไตหรือไตวาย อาจเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ในการรักษาผู้ป่วยไม่มียาเฉพาะ จะใช้วิธีการรักษาตามอาการเท่านั้น
“ในประเทศไทยมีการสำรวจแหล่งรังโรคในสัตว์จำพวกหนูจากสถาบันการศึกษาของประเทศไทย และมีเครือข่ายทางห้องปฏิบัติการหลายแห่งที่เฝ้าระวังการเกิดโรคนี้ ถ้ามีผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไวรัสฮันตา แพทย์ก็สามารถรายงานมาที่หน่วยงานระบาดวิทยา เพื่อทำการสอบสวนหาสาเหตุของโรคต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ในประเทศไทยจะยังไม่พบโรคติดเชื้อไวรัสฮันตาชนิดก่อโรครุนแรงในคน แต่โรคดังกล่าวสามารถพบได้บ่อยในสัตว์ฟันแทะที่อาศัยในป่า โดยเฉพาะในหนูป่าหลายชนิด แต่ไม่ใช่หนูทุกชนิดที่เป็นพาหะนำโรค ซึ่งในประเทศไทยก็มีโรคติดต่อจากหนูหลายโรค รวมทั้งโรคเลปโตสไปโรสิสหรือโรคไข้ฉี่หนูด้วย” อธิบดี คร. กล่าว
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า วิธีป้องกันทั้งโรคติดเชื้อไวรัสฮันตาและโรคฉี่หนู มีข้อแนะนำดังนี้ 1.ทำความสะอาดบริเวณที่อาจเป็นที่อยู่ของสัตว์ฟันแทะ โดยใส่ถุงมือยาง ทำให้อากาศถ่ายเท ราดพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่กวาดพื้นหรือทำให้ฝุ่นกระจาย หากจำเป็นควรสวมผ้าปิดจมูกขณะทำความสะอาด และ 2.ดูแลบ้านเรือนให้สะอาด ปิดช่องหรือรูในบ้านและโรงรถไม่ให้เป็นทางให้หนูเข้าได้ อาจใช้กับดักหรือเหยื่อกำจัดหนูในบริเวณบ้าน ไม่ใช้วิธีการไล่หนู ซึ่งนอกจากไม่ได้ผลแล้ว ยังจะทำให้หนูแพร่พันธุ์มากขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ ควรเก็บอาหาร อาหารสัตว์ในภาชนะปิด ปิดถังขยะให้มิดชิด และตัดแต่งต้นไม้รอบบ้านไม่ให้เป็นที่อยู่ของหนู ถ้ามีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบากและไอ มีปริมาณปัสสาวะผิดปกติ ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที