xs
xsm
sm
md
lg

จวก “พาณิชย์” ชงปรับเกณฑ์ “สารเร่งเนื้อแดง” ตามโคเด็กซ์ ไม่รับผิดชอบคนไทย อย.ย้ำห้ามปนเปื้อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอฟทีเอ ว็อทช์ จวกพาณิชย์ เสนอแก้ กม. ปลดล็อกห้ามสารเร่งเนื้อแดง ไม่รับผิดชอบต่อคนไทย ย้ำ ไทยไม่ต้องยึดตามเกณฑ์โคเด็กซ์ เหตุเป็นเกณฑ์เหมาะกับร่างกายฝรั่ง ส่วนไทยมีเกณฑ์อยู่แล้ว ด้าน อย. ชี้ สารเนื้อแดงผิด กม. ห้ามปนเปื้อน

ความคืบหน้ากรณีรัฐบาลเตรียมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อให้นำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอเมริกา โดยกระทรวงพาณิชย์เสนอให้ไทยปรับมาตรฐาน โดยนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องในหมูที่มีสารเร่งแดงได้ แต่ไม่เกินมาตรฐานโคเด็กซ์ ส่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 ที่ห้ามผสมสารเร่งเนื้อแดงในอาหารเลี้ยงสัตว์ และห้ามเนื้อสัตว์และเครื่องในที่นำเข้าจากต่างประเทศใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงและห้ามมีสารเร่งเนื้อแดงตกค้าง 

วันนี้ (10 ต.ค.) น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน หรือ เอฟทีเอ ว็อทช์ (FTA WATCH) กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาอนุญาตให้มีสารเร่งเนื้อแดง เนื่องจากคนในประเทศไม่กินเนื้อที่มีไขมัน จึงมีการใส่สารดังกล่าว ซึ่งในปริมาณที่สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ปนเปื้อนน้อยในเนื้อ แต่กลับไปพบในเครื่องในสัตว์ ซึ่งพวกเขาไม่กินเครื่องในสัตว์กันอยู่แล้ว ดังนั้น หากนำเข้ามาคนไทยกินหมด ยิ่งเครื่องในสัตว์ก็กิน

น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ส่วนที่กรมเจรจาทางการค้าให้ไทยปรับเกณฑ์ตามโคเด็กซ์ ถือว่าน่ากังวลและผิดหวังมาก แสดงให้เห็นว่าไม่รู้จริง และไม่รับผิดชอบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องออกเกณฑ์ตามโคเด็กซ์ทั้งหมดก็ได้ อย่าง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ไม่ได้ออกเกณฑ์ตามโคเด็กซ์ทั้งหมด เพราะหากเรามีมาตรฐาน มีผลการวิจัยรองรับก็สามารถใช้อ้างอิงได้ เพราะเกณฑ์ของโคเด็กซ์จะพิจารณาสารปนเปื้อนตามขนาดร่างกายของต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งคนไทยมีขนาดร่างกายแตกต่าง และไทยจะมีการศึกษามีงานวิจัยรองรับเพื่อออกเกณฑ์ที่เหมาะสมกับคนไทย ซึ่งทุกอย่างต้องอยู่ที่บริบทแต่ละประเทศ ตรงนี้เป็นไปตามสุขภาวะของประเทศนั้นๆ ซึ่งจะสอดคล้องกับกฎระเบียบสากลที่เรียกว่า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measures-SPS) และความตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า หรือ TBT

“หากปล่อยให้มีการนำเข้าลักษณะนี้จริง จะส่งผลกระทบต่อคนไทยทุกคน และแม้ทุกวันนี้ประเทศไทยก็มีการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการอยู่ แต่หากเปิดแบบนี้ก็ใช้กันหมด สารเร่งเนื้อแดง กินมากๆ ก็ก่อสารมะเร็งได้ เพราะเดิมเป็นยารักษาหอบหืด แต่เอาผลข้างเคียงจากยามาปรับเป็นรีดไขมันในเนื้อสัตว์แทน แต่หากเรากินมากๆ ก็ก่อให้เกิดอันตรายได้” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว กล่าว

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า สารเร่งเนื้อแดงเป็นสารที่ไม่อนุญาตให้ปนเปื้อนกับเนื้อสัตว์ ซึ่งปัจจุบันมีกรมปศุสัตว์ร่วมกับ อย. ดูแลเรื่องนี้อยู่ โดยหากพบว่ามีการปนเปื้อนของสารเร่งเนื้อแดง จะถือว่าผิดมาตรฐานอาหารของ พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 ปรับ 50,000 บาท ซึ่งปัจจุบันทางกรมปศุสัตว์จะทำหน้าที่ในการตรวจหน้าด่าน หากพบการกระทำผิดจะใช้กฎหมาย อย. ในการจับปรับ

น.ส.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักอาหาร อย. กล่าวว่า สารเร่งเนื้อแดงเป็นสารห้ามใช้ในเนื้อสัตว์อยู่แล้ว แต่ต่างประเทศบางประเทศให้ใช้ได้ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากมีการนำเข้าก็จะถือว่าผิดกฎหมาย โดยกรมปศุสัตว์รับหน้าที่ในการตรวจสอบหน้าด่าน ส่วน อย. จะตรวจตลาดในประเทศ หากพบก็ต้องอายัดและดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนที่กังวลเรื่องเครื่องในสดนั้น ทาง อย. ได้มีการฝึกอบรมร่วมกับทางเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ให้เข้มงวดในการตรวจสอบแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น