xs
xsm
sm
md
lg

ชู “โรงพักล้ำสมัย” เพื่อประชาชนเข้าถึงบริการรวดเร็ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“โรงพักล้ำสมัย” หัวใจของตำรวจยุค 4.0 ผลสำรวจประชาชน 5,000 คน พบ 82.20% ยังคงเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ต่อการปฏิรูปตำรวจ สอดรับ ผลประเมิน รร.นรต. หลังร่วมโครงการ “สถานีตำรวจล้ำสมัย” พึงพอใจสูงขึ้น

โฉมใหม่...สถานีตำรวจยุคดิจิตอล โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับมือกับสำนักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) ริเริ่มโครงการ “สถานีตำรวจล้ำสมัย” โดย นำร่อง 3 แห่ง คือ สน.ภาษีเจริญ สภ.บางแก้ว และ สภ.เมือง พัทยา โดยปรับปรุงระบบการทำงานที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล ที่สำคัญเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการให้บริการของสถานีตำรวจได้อย่างรวดเร็ว

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวว่า โครงการสถานีตำรวจล้ำสมัยฯ เป็นโครงการที่ถูกกำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2561 รองรับประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาประสิทธิภาพระบบการให้บริการประชาชน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อนุมัติในหลักการให้โรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินโครงการ โดยมีแนวทางการดำเนินงาน คือ กำหนดขั้นตอนการทำงานของสถานีตำรวจให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ขยาย พัฒนาและปรับปรุงสถานที่ให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างเป็นมาตรฐานสากล และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ทั่วถึง และลดภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยงานยุติธรรมและภาคประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพของสถานีตำรวจทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

พล.ต.ท.ปิยะ ระบุด้วยว่า โครงการนี้ยังได้วางเป้าหมายด้วยว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนมาใช้บริการที่สถานีตำรวจให้น้อยที่สุด ซึ่งเทคโนโลยี ระบบสารสนเทศ ที่ทำงานสอดประสานกับ สังคม Smart Enterprises ที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน จะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ โดยพัฒนาการรับเรื่องร้องเรียน แจ้งเหตุ ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ซึ่งจะทำให้สามารถแจ้งเหตุร้ายถึงตำรวจได้เร็วขึ้น และได้ข้อมูลครบถ้วน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาสถานีตำรวจ

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า สถานีตำรวจถือเป็น “จุดยุทธศาสตร์สำคัญ” ในกระบวนการยุติธรรม ภารกิจของสถานีตำรวจ ถือเป็นภารกิจหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกด้าน ความสำเร็จ ความเชื่อมั่นศรัทธา และความล้มเหลวในภารกิจของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมขึ้นอยู่ที่ผลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับสถานีตำรวจ

“การทำงานของแต่ละโรงพัก ถือเป็นต้นธารของการบังคับใช้กฎหมาย และการให้บริการเบื้องต้นที่ต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน หากสถานีตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย อำนวยความยุติธรรม อำนวยความสะดวกและบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนองความต้องการของประชาชนได้อย่างครบถ้วน เป็นธรรม มีมาตรฐาน ตามหลักธรรมาภิบาล ประชาชนก็จะมีความพึงพอใจให้เจ้าหน้าที่สามารถทำหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญคือเรื่องของความโปร่งใส” พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าว

ด้าน นายชาตรี จันทร์เพ็ญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและประสานแผนกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยว่า สกธ. ได้ดำเนินการประเมินผลตัวชี้วัดระดับเป้าหมายของแผนงานบูรณาการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดยการจัดจ้างคณะที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งการสำรวจข้อมูลมีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 5,000 คน แบ่งเป็น 1) กลุ่มประชาชนที่เข้ามาติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จำนวน 4,450 คน (ร้อยละ 90) และ 2) ประชาชนทั่วไป จำนวน 550 คน (ร้อยละ 10) กำหนดพื้นที่ดำเนินการสำรวจใน 9 ภาค 19 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมที่ใช้บริการสถานีตำรวจนำร่อง 3 แห่งของโครงการสถานีตำรวจล้ำสมัยรวมอยู่ด้วย

นายชาตรี กล่าวต่อไปว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ประชาชนร้อยละ 82.20 มีความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานและการทำงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ค่าเฉลี่ย 4.11 โดยประชาชนมีความเชื่อมั่นสงสุดในด้านการมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในการบังคับใช้กฎหมาย และด้านการมีความปลอดภัยของข้อมูลเป็นความลับ ค่าเฉลี่ย 4.14 รองลงมาคือการไม่รับอามิสสินจ้างเพื่ออำนวยความสะดวก ค่าเฉลี่ย 4.13 และมีความเชื่อมั่นน้อยที่สุดในด้านการให้บริการแบบเสร็จภายในที่เดียว (One Stop Service) ค่าเฉลี่ย 4.04 (จากคะแนนเต็ม 5) จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของโครงการสถานีตำรวจล้ำสมัยเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศต่อการลงทุนในภาคส่วนต่างๆ ของประเทศไทย

ศ.พล.ต.ต.วีรพล กุลบุตร คณะผู้วิจัยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวว่า จากผลการประเมินโดยทีมวิจัยของ รร.นรต. ซึ่งได้วัดความพึงพอใจของประชาชน ก่อนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 5,748 คน หลังเข้าร่วมโครงการ จำนวน 5,940 คน โดยภาพรวมมีความพึงพอใจเพิ่มมากขึ้นหลังจากมีการดำเนินโครงการแล้ว ได้แก่ 1. ด้านกระบวนการและขั้นตอนการให้บริการ ดังนี้ สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ 74.30% (ก่อน 71.41%) สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว 82.84% (ก่อน 72.32%) และสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา 76.49 (ก่อน 61.87%) 2. ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ดังนี้ สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ 76.68% (ก่อน 72.94%) สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว 84.12% (ก่อน 72.34%) และสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา 77.17% (ก่อน 62.13% ) 3. ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ดังนี้ สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ 71.33% (ก่อน 63.47%) สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว 82.71% (ก่อน 71.09%) และสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา 72.08% (ก่อน 60.36% )

พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว ระบุว่า โครงการนี้ มีส่วนผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกิจการตำรวจ ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยในการสืบคดีอาชญากรรม การใช้กล้อง CCTV เฝ้าระวังจุดเสี่ยง ใช้โดรนสแกนสำรวจพื้นที่ ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ซึ่งจะเข้าปิดล้อม ในบริบทพื้นที่อุตสาหกรรม การค้า การลงทุน การทำงานของตำรวจต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองประชาชน สามารถใช้เทคโนโลยี ช่วยให้การทำงานในส่วนต่างๆ รวดเร็ว ปลอดภัยและรอบคอบขึ้น รวมถึงความรวดเร็วในให้การบริการ ส่งผลให้ประชาชน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการทำงานที่ดีที่สุด

พ.ต.ท.สุวิทย์ วจะสุวรรณ สว.อก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า สภ.เมืองพัทยา ได้ใช้งบประมาณที่ได้จากโครงการนี้ พัฒนากลไกในการทำงาน ผสานการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร FPV โดยใช้เทคโนโลยี กล้องวงจรปิด โดรน กล้องสอดแนม เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแก้ปัญหาในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีปัญหาหลากหลายได้รวดเร็วขึ้น มีการเชื่อมข้อมูลกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น

พ.ต.ท.คงศักดิ์ ปานน้อย รอง ผกก.สส.สน.ภาษีเจริญ กล่าวว่า สน.ภาษีเจริญ ถือเป็นต้นแบบสถานีตำรวจล้ำสมัย ในบริบทชุมชนเมือง ในยุคที่กำลังเปลี่ยนเข้าสู่สังคมสมัยใหม่ ในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่เรื่องของที่พักอาศัย สถานที่ทำงานทั้งของรัฐและเอกชน การคมนาคม ซึ่งล้วนต้องมีเทคโนโลยีเข้าไปรองรับชีวิตประจำวัน ตำรวจจึงต้องปรับให้ทัน จึงได้พัฒนาแอพพลิเคชันแจ้งเหตุชื่อว่า “Police i lert u” เพื่ออำนวยความสะดวกในการแจ้งเหตุร้ายได้เร็วขึ้น และได้ข้อมูลครบถ้วน ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ จะทำงานโดยมีแผนที่แจ้งเหตุระบบจีพีเอส ว่า ผู้แจ้งอยู่ในพื้นที่จุดไหน พร้อมทั้งปรากฏเบอร์โทรศัพท์ของผู้แจ้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อช่วยเหลือได้ในทันท่วงที ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ขณะนี้ มีผู้ใช้แอพพลิเคชันนี้เป็นจำนวนมาก

ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวว่า แนวทางที่ได้จากโครงการนี้ และการแลกเปลี่ยนการทำงานของ สน. นำร่องทั้ง 3 แห่ง จะถูกนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานและพัฒนาปรับปรุงสถานีตำรวจให้มีระบบการทำงานที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล รองรับประชาคมอาเซียน นำไปสู่การสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น