xs
xsm
sm
md
lg

แม่หลังคลอดเสี่ยงโรคซึมเศร้า 3 เท่า พบ 41% คิดทำร้ายลูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กลุ่มแม่หลังคลอดเป็นโรคซึมเศร้าถึง 16.8% มีความเสี่ยงมากกว่าช่วงเวลาอื่นถึง 3 เท่า มักพบช่วง 3 เดือนแรกหลังคลอด เหตุจากสุขภาพ ขัดแย้งสามี รายได้ หวั่นส่งผลต่อการเลี้ยงลูก พบบางส่วนไม่แสดงความรักต่อลูก ใช้อารมณ์กับลูก อึ้ง! 41% คิดทำร้ายลูก

วันนี้ (10 ส.ค.) นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวภายในงาน “มอบความสุขนี้ให้แม่ : Happiness for Mom” เนื่องในวันแม่แห่งชาติปี 2560 ว่า กลุ่มแม่หลังคลอดเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่กรมสุขภาพจิตให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เกิดภาวะซึมเศร้าได้ ซึ่งในประเทศไทยมีการศึกษาความชุกของภาวะซึมเศร้าหลังคลอดพบสูงถึง ร้อยละ 16.8 หญิงหลังคลอดมีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้ามากขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ ปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ได้แก่ สุขภาพมารดา ความขัดแย้งระหว่างคู่สมรส ความเพียงพอของรายได้ และความกดดันทางสังคมของเพศหญิง ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดมักมีอาการรุนแรงในช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการทารก โดยเฉพาะด้านภาษา หญิงที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดมักจะมีปัญหาในการเลี้ยงดูบุตร เช่น ขาดปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ขาดพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่เหมาะสม ขาดการแสดงความรัก รวมถึงมีพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายมากขึ้น เช่น การใช้อารมณ์กับบุตร โดยพบถึงร้อยละ 41 ที่มีความคิดทำร้ายลูก การช่วยเหลือแม่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดตั้งแต่เริ่มแรกจึงมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลถึงพัฒนาการของเด็กๆ ในอนาคต โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านภาษา

นพ.ชิโนรส กล่าวว่า การสังเกตแม่หลังคลอดที่เสี่ยงมีภาวะซึมเศร้า สามารถสังเกตได้จากมีอาการเซื่องซึมง่าย เศร้าง่าย ร้องไห้ง่าย อารมณ์จะขึ้น - ลง เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิดง่าย วิตกกังวลไปหมด ร่างกายอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ฯลฯ หากอาการเป็นอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ ควรพบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้ ในการดูแลช่วยเหลือ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความร่วมมือจากคนใกล้ชิด ทั้งจาก พ่อ แม่ และสามีที่ต้องคอยให้กำลังใจว่า ภาวะที่เกิดขึ้นไม่ใช่โรค ไม่ใช่ความอ่อนแอ ภาวะนี้สามารถพบได้และจะหายไป ซึ่งคุณพ่อควรผลัดเปลี่ยนกันดูแลลูก เพื่อให้คุณแม่ได้พักผ่อน ลดปัญหาการนอนไม่หลับ อย่าตำหนิ หรือโมโห เวลาคุณแม่แสดงอารมณ์แปลกๆ ขึ้นๆ ลงๆ อย่าปล่อยให้เลี้ยงลูกคนเดียว ต้องช่วยกัน สนับสนุนกัน เป็นกำลังใจให้กัน อดทนและเข้าใจกัน รวมทั้งควรกระตุ้นให้ได้ทำกิจกรรมต่างๆ พาไปออกกำลังกายเบาๆ ให้คำชม และอาจพาเข้ากลุ่มบำบัด ได้เจอกับครอบครัวอื่นที่เผชิญปัญหาเช่นเดียวกันนี้และผ่านไปได้

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวว่า สถาบันราชานุกูลได้ดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาและทดสอบคุณภาพโปรแกรมช่วยเหลือมารดาที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ใช้ระยะเวลาในการวิจัย 3 ปี คือ ปี 2558 - 2560 ด้วยการพัฒนาโปรแกรมที่ดัดแปลงมาจาก THINKING HEALTHY: A manual for psychosocial management of perinatal depression (2) ของ WHO เป็นรูปแบบการช่วยเหลือโดยการเยี่ยมบ้านที่สามารถทำได้โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในชุมชน ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช ซึ่งงานวิจัยนี้ ศึกษาในหญิงหลังคลอด 1 เดือน ที่คัดกรองพบภาวะซึมเศร้า ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สระแก้ว กาญจนบุรี ขอนแก่น นครพนม เชียงใหม่ และ กระบี่ เปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าหลังคลอด รูปแบบการเลี้ยงดูและพัฒนาการเด็กระหว่างกลุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือตามโปรแกรมเป็นระยะเวลา 6 เดือนกับกลุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือตามระบบ

พญ.อัมพร กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้น จากการคัดกรองหญิงหลังคลอด 1,198 คน พบ เสี่ยงภาวะซึมเศร้า 203 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.9 เมื่อได้รับการช่วยเหลือตามโปรแกรม ซึ่งจะเป็นการเยี่ยมบ้าน ให้ความรู้ และแนวทางการปฏิบัติตน ตลอดจนทักษะต่างๆ ในการดูแลสุขภาพ การรู้เท่าทันอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง การสร้างความสัมพันธ์กับลูก และกับบุคคลรอบข้าง ซึ่งผลที่ได้ในภาพรวม พบว่า อาการซึมเศร้าของแม่หลังคลอด มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลลงลึกในรายละเอียดต่างๆ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนานวัตกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพจิตสำหรับแม่และเด็กต่อไป (www.rajanukul.go.th)
กำลังโหลดความคิดเห็น