อย. ใช้ระบบขึ้นทะเบียน “ผลิตภัณฑ์สุขภาพ” แบบใหม่แล้ว เผยขึ้นทะเบียนได้เร็วขึ้น ชี้อาหารเสริมจากเดิม 35 วัน ใช้เวลาเพียง 28 วัน ยาใหม่ จาก 280 วันเหลือ 220 วัน
ความคืบหน้าการใช้ระบบขึ้นทะเบียน “ผลิตภัณฑ์สุขภาพ” แบบใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยสามารถเก็บค่าใช้จ่ายในการขอขึ้นทะเบียน เพื่อเป็นค่าตอบแทนแก่ผู้เชี่ยวชาญในการอ่านค่าคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีการอั้นคิว เพื่อให้การขึ้นทะเบียนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ตามคำสั่งมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
วันนี้ (9 ส.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าว “อย. ยุค 4.0 เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ” ว่า อย. ติดกับดักความเป็นหน่วยงานราชการมานาน ไม่สามารถทำงานเชิงรุก และการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สุขภาพใช้เวลานาน จนกลายเป็นอุปสรรคให้ของการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลจึงมีคำสั่ง ม.44 ให้ อย. ไปจัดทำมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้เร็วขึ้น โดยมีการเก็บค่าขึ้นทะเบียนจากผู้ประกอบการที่มายื่นคำขอในอัตราที่ขึ้นอยู่กับแต่ละผลิตภัณฑ์ แล้วนำเงินนั้นมาบริหารจัดการเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญในการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้น พัฒนาระบบ พัฒนาคน และการคุ้มครองผู้บริโภค ยุคนี้จะมีแต่การพัฒนาและเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ใช่หน่วยงานที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอีก
นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการ อย. กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางระบบต่างๆ นั้น สามารถลดระยะเวลาในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สุขภาพลงเฉลี่ยร้อยละ 20 เช่น การขึ้นทะเบียนอาหารเสริมเดิมใช้เวลา 35 วัน ลดเหลือ 28 วัน ขึ้นทะเบียนยาใหม่ ชีววัตถุ จากที่เคยใช้เวลา 280 วันก็เหลือ 220 วัน วัตถุอันตราย สารใหม่จาก 120 วัน เหลือ 100 วัน เป็นต้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนตามระบบเดิม ยืนยันว่า ยังดำเนินการให้ตามระบบเดิม แต่หากอยากให้มีความรวดเร็วขึ้นสามารถถอนเรื่องออกมาแล้วยื่นขอขึ้นทะเบียนใหม่ตามระบบใหม่ได้เลย ซึ่งเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เงินที่เก็บจากผู้ประกอบการจะมีการแยกบัญชีต่างหากเป็นเงินนอกงบประมาณที่ไม่ต้องส่งคืนคลัง แต่จะใช้ตามระเบียบกระทรวงการคลังเพื่อการพัฒนาระบบ เป็นค่าตอบแทนผู้เชี่ยวชาญ ค่าห้องแล็บ และใช้เพื่อการตรวจสอบติดตามผลิตภัณฑ์เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
“เราได้พัฒนาระบบให้สามารถยื่นเอกสารต่างๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็จะทำให้มีความสะดวกมากขึ้นเพราะข้อมูลตรงนี้สามารถส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดช่วยดูได้ ก็เท่ากับว่าเรามีผู้เชี่ยวชาญเพิ่มมากขึ้น รวมถึงระบบนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องได้ว่าเป็นใคร อยู่ในขั้นตอนใดแล้ว รวมถึงเราได้เปิดระบบให้คำปรึกษาด้วย” นพ.วันชัย กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งสถาบันนวัตกรรมผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพแบบครบวงจรเพื่อรองรับนวัตกรรมสุขภาพใหม่ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วย