พม. ขยาย “บ้านมิตรไมตรี” เพิ่มที่ 4 มุมเมือง กทม. ให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวให้คนไร้ที่พึ่ง ขอทาน ผู้มีรายได้น้อย ย้ายถิ่นฐานมาหางานทำ พร้อมจัดสวัสดิการเบื้องต้นดูแล หลังเปิดบริการ 2 ปี มีผู้ใช้บริการเกือบ 1.9 พันคน
วันนี้ (8 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่อาคารศูนย์ชุมชนบ้านเอื้ออาทรสายไหม กรุงเทพฯ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเปิด “บ้านมิตรไมตรี 4 มุมเมือง” กรุงเทพมหานคร (สายไหม) ตามนโยบายสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย รองรับคนไร้ที่พึ่งและขอทานที่ประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย ว่า การแก้ไขปัญหาคนไร้ที่พึ่งและคนขอทานนั้นจะเน้นให้กลุ่มดังกล่าวต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี กรมฯ จึงได้จัดบริการ “บ้านมิตรไมตรี” จำนวน 10 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้บริการสถานที่พักชั่วคราวแก่คนไร้ที่พึ่ง ประชาชนที่เคลื่อนย้ายถิ่นฐานเข้ามาหางานทำ หรือมีกิจธุระจำเป็น พร้อมจัดบริการสวัสดิการสังคมเบื้องต้น เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำ การรักษาพยาบาลเบื้องต้น วางแผนพัฒนาศักยภาพอย่างมีส่วนร่วม ปรับพฤติกรรม ส่งกลับภูมิลำเนา หรือคืนสู่ครอบครัวและชุมชน
นายพุฒิพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บ้านมิตรไมตรี จะช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายตามความต้องการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข โดยไม่ต้องเข้ารับบริการระยะยาวในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2557 และ พ.ร.บ. ควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559
“กทม. เป็นเมืองหลวงที่มีการเคลื่อนย้ายประชากร เพื่อมาประกอบอาชีพ หรือกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งจากการดำเนินงานของ บ้านมิตรไมตรี กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ ต.ค. 2558 - ปัจจุบัน พบว่า มีผู้ใช้บริการสูงถึง 1,865 คน กรมฯ จึงได้ขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย 1. บ้านมิตรไมตรี 4 มุมเมือง กรุงเทพมหานคร (สายไหม) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. นี้ เป็นต้นไป 2. บ้านมิตรไมตรี 4 มุมเมือง กรุงเทพมหานคร (อ่อนนุช) 3. บ้านมิตรไมตรี 4 มุมเมือง กรุงเทพมหานคร (ธนบุรี) และ 4. บ้านมิตรไมตรี 4 มุมเมือง กรุงเทพมหานคร (ห้วยขวาง) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นการให้บริการกลุ่มเป้าหมายที่รวดเร็ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยมีเครือข่ายประชารัฐให้การสนับสนุน ทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน” นายพุฒิพัฒน์ กล่าว
