สมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระราชประสงค์ นำโขนพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แสดงงานออกพระเมรุมาศ ด้าน คณะนักแสดง ผู้จัดทำองค์ประกอบโขน กว่า 300 คน น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร่วมใจส่งเสด็จในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผู้ออกแบบโขน เผย ใช้ฉากมัลติวิชั่น แสดงภาพ 3 มิติ สร้างความวิจิตรงดงาม ตามโบราณราชประเพณี
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ โรงเรียนศิลปะธนบุรี มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดแถลงข่าวความคืบหน้าการแสดงโขนพระราชทาน ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชประสงค์ ให้นำโขนพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงมหรสพสมโภช ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยความร่วมใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ครู อาจารย์ นักร้อง นักดนตรี ผู้ทำงานประกอบฉาก ผู้ทำงานปักผ้า ทำหัวโขน และเครื่องประดับโขน ร่วมกับนักเรียนจากศูนย์ศิลปาชีพ ในพระองค์ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงดูแลชุบเลี้ยง ฝึกฝนตั้งแต่ยังไม่รู้จักศิลปะ จนสามารถทำงานศิลปะ ฉากประกอบโขนพระราชทานได้อย่างสวยงาม ซึ่งทุกคนทุกฝ่าย มีความภาคภูมิใจที่จะได้ร่วมทำการแสดงถวาย แสดงออกถึงความรักสุดหัวใจผ่านการแสดงโขนพระราชทาน เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นครั้งสุดท้าย
นายประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้ออกแบบและจัดทำบทโขนพระราชทาน กล่าวว่า การแสดงโขนพระราชทานครั้งนี้ มีความแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจัดแสดงภายในอาคารสถานที่ แต่ครั้งนี้เป็นการแสดงกลางแจ้งมีการแสดงรูปแบบใหม่ เป็นโขนกึ่งฉาก คือ จะมีฉากประกอบการแสดงและมีฉากมัลติวิชั่นที่วิจิตรงดงามมาใช้ประกอบ โดยเฉพาะฉากใหญ่ๆ ที่ไม่สามารถยกเอามาใช้บนภาคสนามได้ จะใช้วิธีฉายภาพขึ้นจอ แต่จะฉากจะมีอุปกรณ์ประกอบเป็นแบบสามมิติที่วิจิตรงดงาม เช่น ฉากที่ประทับพระอิศวร หรือฉากตอนลักสีดา เชื่อว่า ครั้งนี้จะไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังแน่นอน เพราะยังคงความงดงามทั้งรูปแบบ การร่ายรำ การเปลี่ยนฉากให้สมกับเป็นโขนพระราชทาน โดยการแสดงมีจำนวน 3 ตอน ใช้นักแสดงกว่า 300 คน ใช้เวลาการแสดง 2 ชั่วโมง ได้แก่ เริ่มต้นเรื่องด้วย ตอนรามาวตาร ต่อด้วย ตอนสีดาหาย และ พระรามได้พล และ สุดท้ายเป็น ตอนขับพิเภก ซึ่งเป็นตอนที่แสดงถึงคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ซึ่งผู้ชมจะได้รับอรรถรสความสนุกสนาน และสอดแทรกคุณธรรมแห่งความจงรักภักดีของตัวละคร สื่อถึงความจงรักภักดีของผู้ปฏิบัติงานจัดแสดงโขนพระราชทานครั้งนี้ต่อในหลวง รัชกาลที่ ๙
พร้อมกันนี้ ได้มีการปรับรูปแบบการแต่งกาย เพลงดนตรี เพลงขับร้องใหม่ให้มีความไพเราะ แต่ยังคงรักษาจารีตประเพณีโบราณอย่างครบถ้วน พร้อมได้นำเพลงขับร้องโบราณมาใช้ ซึ่งบางเพลงยังไม่เคยมีการแสดงที่ไหนมาก่อน เช่น การแสดงหน้าพาทย์ในระดับสูงสุดที่ใช้กับตัวละครสูงศักดิ์ โดยได้หลักฐานจากลายมือของพระยานัฏกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต) เจ้ากรมโขนหลวงในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้บันทึกไว้ แต่ยังไม่มีการถ่ายทอด ซึ่งเราได้แกะลายมือแล้วนำมาใช้ในการแสดงครั้งนี้ รวมถึงนำเพลง “วา” ของคุณหญิงไพทูรย์ กิตติวรรณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2529 มาจัดแสดงครั้งนี้ด้วย สำหรับเวลาของการแสดงจะเป็นช่วงต้น ก่อนเวทีมหรสพกลางแจ้งทั้ง 3 เวทีจะเริ่ม สำหรับแสดงการแสดงโขนหน้าพระเมรุมาศ
นายวีระธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้จัดทำเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับโขน กล่าวว่า สำหรับเครื่องแต่งกายโขน พัสตราภรณ์จะมีการดำเนินการใหม่ให้วิจิตรงดงามตามโบราณราชประเพณี ชุดสำคัญจะสร้างใหม่ทั้งหมด ได้แก่ ชุดของทศกัณฐ์ 5 ชุด และที่พิเศษมีการสร้างชุดมหาเทพ พระอิศวร พระนารายณ์ 2 ชุด ซึ่งไม่เคยสร้างขึ้นมาก่อน รวมถึงผ้าห่มนาง 24 ผืน 12 ชุด กษัตริย์ 2 ชุด นางกำนัล 10 ชุด เช่นเดียวกับชุดเสนายักษ์ เสนาลิง ที่ชำรุดเพราะผ่านการแสดงมานานก็สร้างใหม่เช่นกัน ทั้งนี้ ในการทำงานแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกการทอผ้ายกทองเป็นผ้านุ่งที่วิจิตรงดงาม ใช้ช่างฝีมือของศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง และศูนย์ศิลปาชีพบ้านตรอกแค อีกทั้งได้กลุ่มศิลปาชีพสีบัวทอง จ.อ่างทอง ร่วมทอผ้ายกทองงดงามเท่าผ้ายกของราชสำนัก
ส่วนงานปักเครื่องโขน ชุดตั้งแต่แขนเสื้อ อินธนู กรองคอ สนับเพลา รัดเอว มีช่างฝีมือของศิลปาชีพจำนวน 76 คน จากทั่วประเทศเข้ามาดำเนินการ ได้แก่ ศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง ศูนย์ศิลปาชีพสวนจิตรลดา ศูนย์ศิลปาชีพหนองลาด จ.สิงห์บุรี อีกทั้งยังมีกลุ่มดอนคำเสนา จ.สกลนคร กลุ่มกุดนาขาม จ.สกลนคร กลุ่มสานแว้ จ.สกลนคร กลุ่มอุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ กลุ่มกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี กลุ่มเพชรบุรี ศูนย์ศิลปาชีพสวนผึ้ง โดยเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่จัดสร้างขึ้นใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วได้สืบทอดจากเครื่องภูษาพัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์อันเป็นเครื่องประดับลงยาที่เคยมีมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ การจัดสร้างใหม่ใช้วัสดุอย่างดี มีค่า มีความวิจิตรงดงามเป็นงานที่ประณีตยิ่งขึ้น
ด้าน นายกัมพล ตันสัจจา ผอ.สวนนงนุช กล่าวว่า สวนนงนุชได้ขนย้ายต้นตะโกขนาดใหญ่ จำนวน 22 ต้น และ ต้นข่อย จำนวน 16 ต้น เข้ามาในพื้นที่พระเมรุมาศ โดยนำมาทดลองจัดวางตามตำแหน่งที่กรมศิลปากรได้ระบุไว้ คือ ศาลาลูกขุน ซึ่งมีการปูพื้นตัวหนอนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น จะค่อยๆ ทยอยนำต้นไม้ที่ได้เตรียมไว้เข้าประดับบริเวณพระเมรุมาศตามแผนที่วางไว้