รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร การปรับปรุงอาคารหอประชุมสภา กทม. แห่งใหม่ คืบหน้ากว่า 80% คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. ประชุมนัดแรกพร้อมทำบุญอาคาร 14 ธ.ค. นี้
วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสาโรจน์ สามารถ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจการก่อสร้างอาคารหอประชุมสภากรุงเทพมหานคร และตรวจความเรียบร้อยภายในอาคารธานีนพรัตน์ (Tower 1) โดยมีนายไทวุฒิ ขันแก้ว รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและร่วมลงพื้นที่
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การปรับปรุงหอประชุมสภากรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย
3 สัญญาว่าจ้าง โดยสัญญาแรกจะเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างอาคาร ซึ่งได้สิ้นสุดสัญญาดังกล่าวแล้วเมื่อหลายปีก่อน ต่อมาได้ดำเนินการทำสัญญาว่าจ้างบริษัทผู้รับจ้าง เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาการก่อสร้างภายในอาคารสภากรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในอาคาร เช่น น้ำรั่วซึมกระจก โดยได้เริ่มสัญญาว่าจ้างเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ปัจจุบันการปรับปรุงอาคารหอประชุมสภากรุงเทพมหานคร คืบหน้าประมาณ 80% คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2560 ส่วนสัญญาว่าจ้างที่ 3 เกี่ยวเนื่องกับการตกแต่งภายในอาคารทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้รับจ้าง คาดว่า จะเริ่มสัญญาว่าจ้างภายในเดือน ก.ย. นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างอาคารหอประชุมสภากรุงเทพมหานคร จะต้องแล้วเสร็จทั้งหมด เพื่อเปิดให้สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมในอาคารแห่งนี้เป็นครั้งแรกในวันที่ 14 ธ.ค. นี้ พร้อมทั้งจะจัดการทำพิธีบุญอาคารในวันเดียวกันด้วย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของภาพรวมการย้ายหน่วยงานเข้ามาทำการยังอาคารธานีนพรัตน์นั้น ขณะนี้มีหน่วยงานย้ายเข้ามาทั้งหมดเกือบ 100% แล้ว ซึ่งทางกรุงเทพมหานครจำเป็นต้องให้หน่วยงานย้ายมาทำการยังอาคารดังกล่าวก่อน เนื่องจากต้องดำเนินการปรับปรุงอาคารของสำนักการระบายน้ำและสำนักการโยธาเดิม โดยปัจจุบันได้รับการสรรงบประมาณแล้วในวงเงิน 580 ล้านบาท และอยู่ระหว่างหาผู้รับจ้างเข้ามาดำเนินการซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความเรียบร้อยในวันนี้ ยังคงเหลือเพียงการเก็บรายละเอียดเพียงบางส่วน ซึ่งได้สั่งการให้สำนักการโยธาเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ข้าราชการและบุคลากรของกรุงเทพมหานคร สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น