สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จัดโครงการ “Vaccines foe Teens” ชวนคนอายุ 9 - 26 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีน 5 ชนิด ป้องกันได้ 9 โรค ทั้งไข้เลือดออก คอตีบ - ไอกรน - บาดทะยัก เอชพีวี หัด หัดเยอรมัน คางทูม และ อีสุกอีใส ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการป่วย
ศ.นพ.ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานเสาวภา สภากาชาดไทย กล่าวถึงโครงการ “Vaccines for Teens” ว่า โครงการนี้เป็นการรณรงค์ให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 9 - 26 ปี ฉีดวัคซีน 5 ชนิด ป้องกันได้ 9 โรค เนื่องจากการให้บริการฉีดวัคซีนในช่วงอายุดังกล่าวยังต่ำอยู่ ทำให้คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงติดโรคบางชนิดมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 โรคอันตรายที่มักจะเกิดในวัยรุ่น คือ โรคไข้เลือดออก โรคไอกรน และมะเร็งปากมดลูก ดังนั้น คลินิกเสริมภูมิคุ้มกัน และอายุรศาสตร์การท่องเที่ยว สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จึงจัดโครงการดังกล่าว เพื่อฉีดวัคซีน 5 ชนิด ป้องกันได้ทั้งหมด 9 โรคตามคำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรค โดยราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยในปี 2557 คือ 1. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก 2. วัคซีนป้องกัน คอตีบ - ไอกรน - บาดทะยัก 3. วัคซีนป้องกันเอชพีวี 4. วัคซีนป้องกัน หัด หัดเยอรมัน คางทูม และ 5. วัคซีนป้องกันอีสุกอีใส เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของประเทศ
“ในอดีตการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องของเด็ก แต่ที่ต้องมารณรงค์ให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นต้องรับการฉีดวัคซีน เพราะองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ต้องดูทุกกลุ่มวัย แม้จะเคยรับวัคซีนตอนเป็นเด็ก แต่วัคซีนบางชนิดประสิทธิภาพอาจลดลงตามกาลเวลา และวัยดังกล่าวมักมีสุขภาพที่ดี จึงไม่มีการพบแพทย์หรือไม่มีการนัดรับวัคซีนที่ชัดเจนเหมือนวัยเด็ก ดังนั้น ต้องมีการฉีดกระตุ้น อย่างอีสุกอีใส ซึ่งคนทั่วไปและเข้าใจว่า ไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้วหากมีภาวะแทรกซ้อนจะทำให้เกิดโรคปอดบวม สมองอักเสบหรือถึงตายได้ แต่หากไม่มีโรคแทรกซ้อนเชื้อจะหายได้เองภายใน 5 - 7 วัน นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่าเป็นแล้วไม่เป็นอีก แต่ความจริงคือ สามารถเป็นซ้ำได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าเพราะมีภูมิคุ้มกันแล้ว เป็นต้น” ศ.นพ.ธีระพงษ์ กล่าวและว่า การฉีดวัคซีนทั้ง 5 ตัวนั้น สามารถฉีดพร้อมกันได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะจะมีไข้สูง โดยอาจจะฉีดทุกอาทิตย์ หรือ 3 - 4 วันต่อเข็ม และไม่แนะนำให้ฉีดตอนที่มีไข้ เพราะวัคซีนบางตัวอาจไปกดภูมิทำให้ไข้สูงขึ้น
ศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเชีย กล่าวว่า กลุ่มวัยดังกล่าวแนะนำให้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 ตัว คือ 1. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เพราะตามข้อมูลการระบาดวิทยาใน 30 ปีที่ผ่านมา พบว่า การติดเชื้อพบในคนที่มีอายุมากขึ้น โดยอายุมากสุดที่พบ คือ 93 ปี ดังนั้น เมื่อเชื้อเปลี่ยนแปลง เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ทั้งนี้ จากการที่มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ในหลายประเทศ สามารถลดการติดเชื้อได้ 65% และหากติดเชื้ออาการจะไม่รุนแรง ลดค่าใช้จ่ายจากการนอนโรงพยาบาลได้ถึง 85% 2. วัคซีนเอชพีวี หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งล่าสุดจะมีการฉีดให้กับนักเรียนหญิง ป.5 ในเขตพื้นที่ กทม. ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และ 3. วัคซีนป้องกันโรคไอกรน ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนอาจจะมีค่าใช้จ่าย แต่เทียบไม่ได้กับเงินมหาศาลที่จะต้องใช้รักษาหากมีการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์ควรมีการศึกษาหรือปรึกษาก่อนมีการฉีดว่าสามารถฉีดชนิดไหนได้หรือไม่อย่างไร
