มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา กับ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่นี้ถือว่า มีข้อห้ามสำหรับผู้ค้าขายพอสมควร เพื่อหวังลดการเข้าถึงบุหรี่ของกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และเยาวชน ไม่ให้กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ ส่วนจะมีข้อกำหนดอะไรบ้างที่ร้านค้าต้องทำตามกฎหมาย ทีมข่าวคุณภาพชีวิต MGROnline ได้รวบรวมไว้แล้ว ดังนี้
1.ห้ามขายหรือให้บุหรี่แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามผู้ใดใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายหรือให้บุหรี่ หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ทางออกสำหรับเรื่องนี้ คือ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุของผู้ซื้อบุหรี่ ให้ผู้ขายแจ้งบุคคลดังกล่าวให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือหลักฐานอื่นที่แสดงอายุของบุคคลนั้นก่อน
2.ห้ามแบ่งขายบุหรี่แบบแยกมวน ต้องขายแบบทั้งซอง เนื่องจากการขายบุหรี่แบบแบ่งมวนนั้น ทำให้วัยรุ่นและเยาวชนซื้อหาได้ง่ายขึ้น หากฝ่าฝืนเรื่องนี้มีดทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท
3.ห้ามผู้ขายปลีก ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยวิธีการ ดังนี้ ขายโดยใช้เครื่องขาย ขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และขายนอกสถานที่ ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท มีการลดแลกแจกแถม ให้สิทธิประโยชน์ชิงโชค ชิงรางวัล และแสดงราคา ณ จุดขาย จูงใจให้ผู้บริโภค ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และ เร่ขาย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
4.ห้ามตั้งโชว์หรือแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบ ณ สถานที่ขายให้ผู้ซื้อหรือประชาชนมองเห็น ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
5.สถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ มีการกำหนด 4 สถานที่คือ วัด สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานพยาบาล ร้านขายยา สถานศึกษาทุกระดับ และสวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 40,000 บาท
นอกจากกลุ่มผู้ค้าแล้วที่น่าสนใจคือ เรื่องของการคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ มีการกำหนดให้เจ้าของ ผู้จัดการ ผู้รับผิดชอบสถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน และควบคุมไม่ให้มีการสูบบุหรี่ หากไม่ดำเนินการปรับไม่เกิน 3,000 บาท รวมถึงมีการกำหนดห้ามสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ปรับไม่เกิน 5,000 บาท จากกฎหมายที่กำหนดโทษเพียง 2,000 บาท
ส่วนกลุ่มธุรกิจยาสูบที่น่าสนใจคือ การห้ามจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ให้แก่บุคคลหรือองคืกร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดยผู้ประกอบการหรือผู้รับจ้าง จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินกึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายในกิจกรรม แต่ไม่เกิน 1,500,000 บาท ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท