ยามเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยอยู่ในช่วงวินาทีเป็นวินาทีตาย หากมีการจัดระบบรับแจ้งเหตุและทีมแพทย์ฉุกเฉินในการดูแลอย่างเหมาะสม โอกาสที่ผู้ป่วยจะรอดชีวิตก็มีสูงขึ้น โรงพยาบาลกลุ่ม BDMS โดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเห็นความสำคัญของทุกนาทีชีวิต จึงจัดตั้งเครือข่ายรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุ (BDMS Trauma Care Network) ขึ้น ในโรงพยาบาลเครือข่าย BDMS จำนวน 9 แห่ง ที่ได้รับการยกระดับเป็นศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง (Center Of Excellence : COE)
โดยโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาล (รพ.) กรุงเทพ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์ รพ.พญาไท 2 รพ.กรุงเทพ เชียงใหม่ รพ.กรุงเทพ อุดร รพ.กรุงเทพ ภูเก็ต รพ.กรุงเทพ พัทยา และ รพ.รอยัล พนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะเน้นการดูแล 5 สาขาหลักคือ อุบัติเหตุและออร์โธปิดิกส์ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท
นายแพทย์ สุทร บวรรัตนเวช ผู้อำนวยการใหญ่ ศูนย์อุบัติเหตุและออร์โธปิดิกส์ ในเครือบริษัท และ ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์กระดูกและข้อกรุงเทพ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) อธิบายความเป็นมา ว่า ประเทศไทยถือว่ามีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่การเสียชีวิตจากจักรยานยนต์ถือว่าสูงที่สุดในโลก ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน BDMS จึงจัดตั้งเครือข่ายรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุ (BDMS Trauma Care Network) ในโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่งดังกล่าว เพื่อให้เป็น HUB ในด้านการดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่งครอบคลุมทั่วทั้งประเทศและบริการอย่างครบวงจรตามมาตรฐานสากล
“เครือข่ายรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุในแต่ละโรงพยาบาล จะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในทุกด้านประจำการโรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การวินิจฉัยผู้ป่วยฉุกเฉินในขั้นแรกรับร่วมกัน ซึ่งจะทำให้การดูแลผู้ป่วยในเบื้องต้นเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำ และจะเป็นแม่ข่ายในการจัดสรรทีมแพทย์และบุคลากรที่เหมาะสมในการดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่ได้รับส่งตัวมาจากการประสานของศูนย์ BDMS Alarm Center ที่มีการจัดตั้งขึ้นในการรับแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินด้วย” นายแพทย์ สุทร กล่าว
อาจกล่าวได้ว่า เครือข่ายรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุ จะดูแลครอบคลุมตั้งแต่ระบบการรับแจ้งเหตุ โดยมีการตั้งศูนย์ BDMS Alarm Center การประสานงานทีมแพทย์ฉุกเฉินในการออกไปดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น รวมไปถึงการประสานติดต่อโรงพยาบาลในเครือข่ายที่ใกล้ที่สุด เพื่อจัดบุคลากรที่เหมาะสมในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้รอดชีวิต
นายแพทย์ สมมาตร สมศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า BDMS Alarm Center จะเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายโรงพยาบาล BDMS ซึ่งมีทั้งหมด 45 แห่ง ประกอบด้วย 6 กลุ่มโรงพยาบาล กระจายทั่วทั้งประเทศไทยและกัมพูชา ในการรับแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยอุบัติเหตุ โดยจะมีแพทย์และพยาบาลประจำตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วัน เพื่อประเมินข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากซักประวัติไม่ได้ ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ ก็จะลำบากในแง่ของการเตรียมทีมบุคลากรในการดูแลผู้ป่วย เนื่องจากจะต้องประสานทีมแพทย์ในการออกไปดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น และประสานทีมแพทย์โรงพยาบาลปลายทางที่จะดูแลรักษาผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่รวดเร็วที่สุด และรักษาชีวิตเอาไว้ได้
“ศูนย์ BDMS Alarm Center จะตั้งอยู่ที่ รพ.กรุงเทพ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แต่ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินพื้นที่ใดของประเทศไทย เพียงแค่กดเบอร์ โทร. 1724 ก็จะเข้ามาติดที่ศูนย์นี้ ซึ่งศูนย์ฯ จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ในการสอบถามข้อมูลที่จำเป็นจากผู้ป่วยให้มากที่สุด เช่น สถานที่ ภาวะอาการเป็นอย่างไร เพื่อประเมินว่าจะส่งทีมแพทย์ระดับใดและจากพื้นที่ไหนที่ใกล้ผู้ป่วยที่สุดในการออกไปดูแลเบื้องต้นเพื่อรักษาชีวิต ซึ่งการเดินทางไปรับตัวผู้ป่วยนั้นมีทั้งการใช้รถพยาบาล เรือ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ รวมไปถึงมอเตอร์ไซค์ ในกรณีที่การจราจรติด ก็จะส่งมอเตอร์แลนซ์ออกไปดูแลผู้ป่วยก่อน และยังช่วยประสานทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลางในการให้คำแนะนำกับทีมแพทย์ต้นทางในการช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย” นายแพทย์ สมมาตร กล่าว
นายแพทย์ สมมาตร กล่าวอีกว่า เมื่อทีมแพทย์ไปถึงตัวผู้ป่วยแล้วก็จะทำการดูแลรักษาเบื้องต้น พร้อมกับส่งข้อมูลกลับมายังศูนย์ว่าอาการของผู้ป่วยเป็นอย่างไร ซึ่งทางศูนย์ BDMS Alarm Center จะประสานไปยังโรงพยาบาลปลายทาง ในการจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์ เพื่อให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้ทันที
สำหรับการดูแลในโรงพยาบาลปลายทาง นายแพทย์ สุทร เล่าว่า BDMS Alarm Center จะทำหน้าที่ประสานทีมแพทย์ไปดูแลเบื้องต้นและส่งตัวผู้ป่วยมารักษาต่อในโรงพยาบาล ถือเป็นด่านแรกในการรักษาชีวิตผู้ป่วย แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแน่นอนว่าอาจไม่ใช่แค่การบาดเจ็บภายนอกที่มองเห็นได้ แต่อาจเกิดการบาดเจ็บได้ทั้งระบบในร่างกาย ดังนั้น โรงพยาบาลปลายทางที่จะดูแลรักษาจะต้องมีการเตรียมบุคลากรให้พร้อมที่จะดูแลรักษาผู้ป่วยทันทีที่มาถึง เช่น มีศัลยแพทย์แต่ละสาขา เป็นต้น”
“การจะส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลปลายทางนั้น นอกจากพิจารณาในเรื่องของความใกล้ไกลในการเดินทางแล้ว ยังต้องพิจารณาขีดความสามารถของโรงพยาบาลด้วย ยกตัวอย่าง หากเกิดเหตุที่ระยอง โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด คือ รพ.กรุงเทพ ระยอง แต่เมื่อพิจารณาจากอาการป่วยแล้วหากเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลก็อาจจะต้องส่งโรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา ที่ถือว่าเป็นแม่ข่ายแทนหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ข้อมูลจาก BDMS Alarm Center ต้องชัดเจน เพื่อให้ COE ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายในพื้นที่นั้นพิจารณาและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดแก่คนไข้ได้ เช่น อาจให้ส่งมารักษาที่โรงพยาบาลระดับ COE แทน หรือจะส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปช่วยที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแทน เป็นต้น” นายแพทย์ สุทร กล่าว
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายรักษาผู้ป่วยอุบัติเหตุและศูนย์ BDMS Alarm Center นอกจากให้บริการผู้ป่วยคนไทยแล้ว ผู้ป่วยต่างชาติก็สามารถใช้บริการนี้ได้ โดย นายแพทย์สมมาตร อธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยต่างชาติสามารถกดหมายเลข +662 Bangkok ซึ่งเมื่อเทียบกับแป้นกดโทรศัพท์จะตรงกับ 226-4565 โดย BDMS Alarm Center จะมีบุคลากรที่สามารถสื่อสารได้ทุกภาษาหลักๆ ของโลก ทั้งภาษาอังกฤษ อารบิก เกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย จีน และพม่า เป็นต้น ทำให้สามารถซักประวัติและทำความเข้าใจกับผู้ป่วยได้ง่าย โดยศักยภาพศูนย์ฯ สามารถดูแลได้ถึงระดับเอเชียแปซิฟิก ทั้งไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ หรือเลยไปถึงญี่ปุ่นได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจากต่างชาติจะเป็นกลุ่มผู้ป่วยอาการฉุกเฉินและต้องการการรักษาที่รวดเร็ว โดยเราจะจัดเครื่องบินพยาบาลหรือแอร์แอมบูแลนซ์ ซึ่งมีความพร้อมอย่างมากในการดูแลผู้ป่วยระหว่างการเดินทาง เรียกได้ว่า เป็นสกาย ไอ.ซี.ยู. ที่สามารถดูแลยามฉุกเฉินได้
ส่วนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยข้ามประเทศที่อาจดูเหมือนยุ่งยาก แต่การดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินต้องเร่งทำเวลานั้น นายแพทย์สมมาตร ระบุว่า เนื่องจากมีการดำเนินการเรื่องนี้มาตลอด ก็อาจทำให้ไม่ยุ่งยากเกินไปนัก หลักๆ จะเป็นเรื่องของการแสดงเอกสารต่างๆ ซึ่ง BDMS พยายามทำให้ขั้นตอนทุกอย่างสั้นลงและรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็ว และจากการทำงานด้านนี้มาอย่างดีทำให้ BDMS ค่อนข้างมีชื่อเสียง จึงมีผู้ป่วยต่างชาติ แม้จะไม่ได้เจ็บป่วยฉุกเฉินแต่ก็ใช้บริการของ BDMS เพื่อเข้ามารักษาตัวในประเทศไทย
การจัดระบบดังกล่าวขึ้น นายแพทย์ สุทร ระบุว่า ถือเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุของภาครัฐ และเป็นการประกาศถึงความพร้อมของระบบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวต่างชาติด้วย เนื่องจากได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจาก CAMTS (Commission on Accreditation of Medical Transport Systems) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการขนย้ายผู้ป่วยระดับสากล เป็นการการันตีว่า ผู้ป่วยอุบัติเหตุ และฉุกเฉินจะได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ และได้มาตรฐานระดับโลก