สธ. เร่งประสาน รพ.- ผู้ป่วย ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังหญิงสาวร้องผ่านเพจทนายดัง รพ. วินิจฉัยพลาดติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่ 4 ขวบ ด้านศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ย้ำ รับยาต้านไวรัสตอน 4 ขวบ โตขึ้นยังตรวจเจอเชื้อเจอระดับแอนติบอดี รับกระบวนการตรวจระหว่าง 20 ปีก่อนกับปัจุจบันแตกต่างกัน
จากกรณี นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความชื่อดัง ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ได้รับการวินิจฉัยว่า ติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ทำให้ต้องรับประทานยาต้านไวรัสมาตลอดกว่า 20 ปี จนกระทั่งเข้ารับการตรวจอีกครั้งกับสภากาชาดไทย กลับไม่พบเชื้อเอชไอวี โดยวันที่ 2 มิ.ย. นี้ ทนายสงกานต์จะพาหญิงรายดังกล่าวมาร้องขอความเป้นธรรมกับ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
วันนี้ (22 พ.ค.) นพ.ณรงค์ สายวงศ์ ผู้ตรวจราชการ สธ. เขต 7 ซึ่งดูแลพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และ มหาสารคาม กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวได้รับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งเรื่องนี้ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข และ ปลัด สธ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า เป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์สันติวิธีสาธารณสุข อยู่ระหว่างดำเนินการประสานทั้งโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง และทางผู้ป่วยเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยา ส่วนจะเป็นการวินิจฉัยผิดพลาดจริงหรือไม่ ยังตอบเช่นนั้นไม่ได้ ต้องขอให้มีการตรวจสอบก่อน เนื่องจากการตรวจจะต้องมีขั้นตอน โดยจะทำให้เร็วที่สุด แต่จะให้รวดเร็วภายใน 1 - 2 วัน อาจจะไม่ได้ เพราะเรื่องผ่านมากว่า 19 ปีแล้ว แต่ก็จะพยายาม และยืนยันว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะมีการเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่
“ขณะนี้คงต้องขอให้ระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลเรื่องนี้ เพราะจะมีเรื่องของสิทธิผู้ป่วย ซึ่งในส่วนของทางการแพทย์ เราระมัดระวังเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเรื่องของสิทธิผู้ป่วย ไม่ว่าผลตรวจสอบจะเป็นอย่างไรก็ต้องเคารพสิทธิผู้ป่วยเป็นที่สุด” นพ.ณรงค์ กล่าว
ด้าน ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อเอชไอวีระหว่างอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กับปัจจุบันมีความแตกต่าง โดยปัจจุบันมีชุดทดสอบที่มีความรวดเร็วและแม่นยำขึ้น โดยตรวจด้วยชุดทดสอบ 1 ครั้ง และตรวจยืนยันอีก 2 คน และหากผลตรวจยังก้ำกึ่งไม่ชัดเจน ก็จะมีการตรวจสอบซ้ำ จนกว่าจะได้ค่าที่แน่ชัด ส่วนการให้ยาต้านไวรัสกับผู้ติดเชื้อรวมถึงเด็กแรกเกิดก็มีความแตกต่างกัน โดยปัจจุบันนี้หากพบว่ารับเชื้อก็สามารถรับยาต้านไวรัสได้ทันที
ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกระบวนการตรวจหาเชื้อเอชไอวี หลังได้รับยาต้านไวรัสสามารถทำได้ ทั้งแบบการตรวจหาระดับแอนติบอดี และตรวจในเชิงลึกระดับเซลล์ โดยปกติการรับยาต้านไวรัสในเด็กแรกเกิดที่ติดเชื้อจากแม่สู่ลูกนั้น จะได้รับยาต้านไวรัสทันทีภายใน 1 - 2 สัปดาห์ ประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส จะทำให้เข้าไปกดไวรัสต่ำลง เมื่อตรวจหาเชื้อไวรัสในเด็กบางรายอาจไม่เจอเชื้อในระดับแอนติบอดี แต่ไม่ได้หมายความว่า เด็กคนนั้นหายขาดจากการติดเชื้อ เพราะการตรวจระดับลึกแบบเซลล์ก็จะยังเจอเชื้อไวรัสอยู่ กรณีเช่นนี้พบได้น้อยรายมาก ส่วนการรับยาต้านไวรัสในอายุ 4 ขวบ หากตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกาย อย่างไรก็ต้องพบในระดับแอนติบอดี
“การตรวจสอบเทียบเคียงกระบวนการรักษาในอดีตกับปัจจุบัน ยอมรับว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้ระยะเวลาในการหาข้อมูล เนื่องจากต้องดูว่า ระดับภูมิคุ้มกัน (CD4) เป็นอย่างไร มีไวรัสในร่างกายมากน้อยแค่ไหน การให้ยาเป็นอย่างไร” ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ กล่าว