กวช. เตรียมเพิ่มสาขาศิลปินแห่งชาติ ระบุ มีผู้มีความสามารถเข้ารับการสรรหาพุ่ง - ดัน “ศรีเทพ” ขึ้นมรดกโลก
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ครั้งที่ 2/2560 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มสาขาของศิลปินแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย 3 สาขาได้แก่ ทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และศิลปะการแสดง ทั้งนี้ การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติที่ผ่านมา มีบุคคลเข้ารับการสรรหาในแต่ละสาขาจำนวนมาก และมีผู้ที่ความสามารถในศาสตร์และศิลป์หลากหลายแขนง จึงควรจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมให้มีความครอบคลุมและให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกตรงสาขามากขึ้น ดังนั้น ที่ประชุม จึงเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการกำหนดสาขาศิลปินแห่งชาติเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่พิจารณาว่า ควรจะมีการเพิ่มสาขาศิลปินแห่งชาติกี่สาขา กำหนดเกณฑ์ และคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือก เป็นต้น
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการคัดเลือกศิลปินศิลปาธร ซึ่งเป็นศิลปินรุ่นใหม่ สายศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เป็นผู้รับผิดชอบนั้น ที่ประชุมเห็นว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ควรจะมีการพัฒนาการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อประกาศยกย่องศิลปินศิลปาธรต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกัน ต้องผลักดันให้ศิลปินศิลปาธรเป็นที่ยอมรับในสังคมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือ ถึงการรักษามรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งอ้างอิงจากการจัดอันดับ ประเทศที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2017 โดย U.S.News สหรัฐอเมริกา พบว่า ประเทศไทย ติดอันดับ 17 ประเทศที่มีวัฒนธรรมทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก และอันดับ 4 ประเทศที่การท่องเที่ยวโดดเด่นมากที่สุดในโลก ในที่ประชุมจึงเห็นว่า คนไทยควรช่วยกันรักษาวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวมีความมั่นคง และยั่งยืน โดยในส่วน วธ. ได้มีการวางเป้าหมาย ที่จะเสนอ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สมัยทวาราวดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของการเสนอเป็นมรดกโลก ภายในปี 2561 โดยจะมีการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ มีปลุกสำนึกการอนุรักษ์ของคนในท้องถิ่น รวมทั้งจัดกิจกรรมในพื้นที่มากขึ้น เชื่อมโยงกับโบราณสถานเขาคลังนอก จ.เพชรบูรณ์ด้วย
“ที่ประชุมยังได้รับทราบ แนวทางที่ วธ. ได้ดำเนินโครงการจัดทำข้อมูลร้านอาหาร 100 ปี ในประเทศไทย เตรียมรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้จัดทำเป็นหนังสือเพื่อเผยแพร่ประวัติความเป็นมา อาหารประเภทนั้นๆ ตรงนี้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านอาหาร และสร้างรายได้เข้าประเทศ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ครั้งที่ 2/2560 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มสาขาของศิลปินแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย 3 สาขาได้แก่ ทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และศิลปะการแสดง ทั้งนี้ การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติที่ผ่านมา มีบุคคลเข้ารับการสรรหาในแต่ละสาขาจำนวนมาก และมีผู้ที่ความสามารถในศาสตร์และศิลป์หลากหลายแขนง จึงควรจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมให้มีความครอบคลุมและให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกตรงสาขามากขึ้น ดังนั้น ที่ประชุม จึงเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการกำหนดสาขาศิลปินแห่งชาติเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่พิจารณาว่า ควรจะมีการเพิ่มสาขาศิลปินแห่งชาติกี่สาขา กำหนดเกณฑ์ และคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือก เป็นต้น
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการคัดเลือกศิลปินศิลปาธร ซึ่งเป็นศิลปินรุ่นใหม่ สายศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เป็นผู้รับผิดชอบนั้น ที่ประชุมเห็นว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ควรจะมีการพัฒนาการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อประกาศยกย่องศิลปินศิลปาธรต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกัน ต้องผลักดันให้ศิลปินศิลปาธรเป็นที่ยอมรับในสังคมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือ ถึงการรักษามรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งอ้างอิงจากการจัดอันดับ ประเทศที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2017 โดย U.S.News สหรัฐอเมริกา พบว่า ประเทศไทย ติดอันดับ 17 ประเทศที่มีวัฒนธรรมทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก และอันดับ 4 ประเทศที่การท่องเที่ยวโดดเด่นมากที่สุดในโลก ในที่ประชุมจึงเห็นว่า คนไทยควรช่วยกันรักษาวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวมีความมั่นคง และยั่งยืน โดยในส่วน วธ. ได้มีการวางเป้าหมาย ที่จะเสนอ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สมัยทวาราวดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของการเสนอเป็นมรดกโลก ภายในปี 2561 โดยจะมีการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ มีปลุกสำนึกการอนุรักษ์ของคนในท้องถิ่น รวมทั้งจัดกิจกรรมในพื้นที่มากขึ้น เชื่อมโยงกับโบราณสถานเขาคลังนอก จ.เพชรบูรณ์ด้วย
“ที่ประชุมยังได้รับทราบ แนวทางที่ วธ. ได้ดำเนินโครงการจัดทำข้อมูลร้านอาหาร 100 ปี ในประเทศไทย เตรียมรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้จัดทำเป็นหนังสือเพื่อเผยแพร่ประวัติความเป็นมา อาหารประเภทนั้นๆ ตรงนี้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านอาหาร และสร้างรายได้เข้าประเทศ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว