สบส. เร่งประสาน สธ. ลาว ร่วมเฝ้าระวังลักลอบ “อุ้มบุญ” เตือนหญิงรับจ้างท้องแทนในประเทศไร้กฎหมายคุ้มครอง เสี่ยงไม่ได้รับการดูแล เด็กมีโอกาสถูกทอดทิ้ง ย้ำรับจ้างอุ้มบุญ เป็นนายหน้า หรือโฆษณามีโทษหนักทั้งจำ ทั้งปรับ
จากกรณี ด่านศุลการกรจังหวัดหนองคาย จับกุมชายไทย 1 ราย หญิงไทย 6 ราย พร้อมอุปกรณ์ขณะเดินทางกลับจากลาว โดยจากการตรวจสอบพบว่า หญิงทั้ง 6 ราย ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีนให้เดินทางไปรับบริการผสมเทียม ณ คลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ นั้น
วันนี้ (23 พ.ค.) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การที่หญิงไทยทั้ง 6 ราย เดินทางไปรับจ้างอุ้มบุญในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไม่มีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ อาจเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของหญิงที่รับตั้งครรภ์และตัวเด็กเอง เพราะไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายในการดูแลสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์และเด็ก เมื่อเกิดการเจ็บป่วยจากการตั้งครรภ์แทน รวมทั้งมิได้กำหนดความเป็นบิดาและมารดาของเด็กอย่างชัดเจน ทำให้อาจเกิดการทอดทิ้งเด็กได้ เมื่อพบว่าเด็กมีความพิการ ต่างจากประเทศไทยที่มีความพร้อมสูงในการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และมี พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 หรือ พ.ร.บ. อุ้มบุญ
“กฎหมายอุ้มบุญ จะควบคุม กำกับ ดูแล ทั้งการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ หญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ ซึ่งจะมีการทำข้อตกลงในการตั้งครรภ์แทน ระหว่างสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายกับหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน ว่า จะให้ทารกในครรภ์เป็นบุตรของสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น โดยให้สามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายในการตรวจ รักษาพยาบาลตามกระบวนการ ค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ และเมื่อได้รับความเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการรับตั้งครรภ์แทนแก่หญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ รวมทั้งกำหนดความเป็นบิดาและมารดาของเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯไว้อย่างชัดเจน ห้ามมิให้สามี ภริยา ที่ชอบด้วยกฎหมายปฏิเสธการรับเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนโดยเด็ดขาด จึงมั่นใจได้ว่า ทั้งหญิงที่รับตั้งครรภ์แทนและเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ จะได้รับการดูแลอย่างรอบด้านตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ จนถึงหลังคลอด” นพ.ธงชัย กล่าว
นพ.ธงชัย กล่าวว่า กฎหมายจะช่วยป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งคุ้มครองสุขภาพ ความปลอดภัยของหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีฯให้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม กรม สบส. จะประสานขอความร่วมมือเฝ้าระวัง ป้องกันมิให้มีการใช้เทคโนโลยีฯในทางที่ผิดไปยังกระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว และพนักงานสืบสวน พร้อมกำชับให้สถานพยาบาลที่มีการให้บริการเทคโนโลยีฯ 70 แห่งทั่วประเทศไทยให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า สำหรับบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 จะแบ่งเป็นวาระแล้วแต่ลักษณะการกระทำผิด อาทิ หากผู้ใดรับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท, เป็นนายหน้า ชี้ช่องทางให้มีการรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, โฆษณาหรือไขข่าวให้แพร่หลาย ว่า มีหญิงประสงค์รับตั้งครรภ์ หรือมีบุคคลที่ประสงค์ให้หญิงอื่นรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากประชาชนพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายการรับจ้างอุ้มบุญ ซื้อขาย อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้าให้มีการรับจ้างตั้งครรภ์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กลุ่มคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ หมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7000 ต่อ 18418 หรือ 18419 กรม สบส. จะดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที