สบส. เร่งประสาน ตร. ขอหลักฐานหญิง 6 ราย อุ้มบุญที่ลาว เกี่ยวข้องกับคลินิกในไทยหรือไม่ พร้อมตรวจสอบเกี่ยวข้องเหตุการณ์ลอบขนอสุจิข้ามชาติหรือไม่
จากกรณีด้านศุลกากรหนองคาย สามารถตรวจจับหญิงสาว 6 ราย ซึ่งเดินทางกลับจากฝั่งลาว พร้อมถังไนโตรเจนเปล่า 1 ใบ โดยพบหลักฐานว่ามีการข้ามไปดำเนินการรับเป็นแม่อุ้มบุญ
วันนี้ (22 พ.ค.) นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ขณะนี้ สบส. ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ส่วนหลักฐานข้อมูลต่างๆ ยังไม่สามารถบอกอะไรได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอตรวจสอบถังไนโตรเจนดังกล่าวว่ามีข้อมูลอะไร และจะเชื่อมโยงไปถึงจุดไหนได้บ้าง ซึ่ง สบส. ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่คงต้องตรวจสอบก่อนว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการอุ้มบุญหรือไม่ หากเป็นการอุ้มบุญจริงๆ ก็จะผิดกฎหมายทันที นอกจากนี้ ต้องพิสูจน์อีกว่า หญิงสาวทั้ง 6 คน ก่อนหน้าจะเดินทางไปลาว ได้มีการผ่านกระบวนการทำอุ้มบุญบางส่วนที่ไทยด้วยหรือไม่ หากมีแม้จะไปทำที่ลาว ก็ถือว่าผิดอยู่ดี ส่วนกรณีนี้จะเชื่อมโยงกับก่อนหน้านี้ที่มีการจับกุมผู้หิ้วถังไนโตรเจนบรรจุอสุจิหรือไม่นั้น ต้องขอตรวจสอบก่อน
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ทางด่านจะมีการประสานงานกับทางตำรวจโดยตรง และมอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ ให้ทางกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ทางกรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องของข้อมูลเชิงลึก เพราะกังวลว่าอาจมีส่วนเชื่อมกับคลินิกใดในประเทศไทย ซึ่งต้องหาหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงกันต่อไป นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ก็จะคอยให้ความช่วยเหลือและให้ข้อมูลต่างๆ กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากเป็นคดีแล้ว
“พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ หรือกฎหมายอุ้มบุญ ต้องการที่จะคุ้มครองเด็ก จึงไม่อยากให้คนไทยไปรับจ้างอุ้มบุญ เพราะหากเด็กเกิดมาแล้วพิการจะเกิดปัญหาตามมา และอาจเสี่ยงได้รับอันตรายจากการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น และไม่ได้รับการดูแลจากผู้ที่จ้างอุ้มบุญเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทำการประสานงานกับทางตำรวจ เพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป รวมทั้งทำการขยายผลเพื่อดำเนินการกับคนกลาง นายหน้า ซึ่งหากพบการกระทำผิดจะต้องได้รับโทษ โดยในส่วนของคนกลางหากกระทำผิดจะมีโทษจะคุก 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ดำเนินการมีผลประโยชน์ทางการค้าจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วนกรณีที่มีการลักลอบขนอสุจิข้ามแดนนั้น เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด” นพ.ธงชัย กล่าว