xs
xsm
sm
md
lg

เตือนเกมแนว “MOBA” ทำสมองติดเกม พบวัยรุ่นติดเกมเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าใน 3 ปี พ่วงอาการจิตเวช

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมสุขภาพจิต เผย เด็กไทยติดเกมเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าใน 3 ปี มักพบป่วยทางจิตเวชร่วมด้วย ทั้งสมาธิสั้น โรคดื้อต่อต้าน ซึมเศร้า อายุน้อยสุดเพียง 5 ขวบ ห่วงเกมฮิตต่อสู้ออนไลน์แบบทีม “โมบ้า” คนเข้าใจผิดเป็น อี-สปอร์ต ชี้ อันตรายทำให้สมองติดเกม เพิ่มการทำงานสมองส่วนอยาก ลดการทำงานสมองส่วนควบคุมความคิด กลายเป็นสาเหตุหลักทำให้เด็กติดเกม เร่งพัฒนารูปแบบบำบัดรักษาแนวใหม่ ฝึกควบคุมพฤติกรรมตนเอง

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้กรมสุขภาพจิตได้เร่งพัฒนาระบบบริการรักษาและป้องกันปัญหาเด็กติดเกม ซึ่งกำลังมีแนวโน้มขยายตัวรุนแรงขึ้น ศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กติดเกม สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ รายงานว่า ใน 2560 นี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม เพียง 3 เดือน พบผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับการวินิจฉัย ว่า มีปัญหาพฤติกรรมและอาการเสพติดเกมอยู่ในระดับปานกลางถึงรุนแรงที่ต้องเข้ารับการบำบัดรักษาทางจิตเวชอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง รวมจำนวน 53 คน ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 1.5 เท่าตัวในรอบ 3 ปี ร้อยละ 96 เป็นชาย โดยจิตแพทย์ตรวจพบว่า เด็กกลุ่มนี้จะมีโรคร่วมทางจิตเวช เช่น โรคสมาธิสั้น โรคดื้อต่อต้าน โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคกล้ามเนื้อตากระตุก โรคบกพร่องทักษะการเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาพฤติกรรมโกหก ขโมยเงิน เล่นการพนัน หนีเรียน ไม่ยอมไปโรงเรียน และหนีออกจากบ้าน ส่วนใหญ่พบในกลุ่มอายุ 14 - 16 ปี แนวโน้มพบอายุน้อยลงเรื่อยๆ น้อยที่สุด คือ 5 ชวบ ซึ่งสัมพันธ์กับปัญหาการเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย นับว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก โดยเรื่องติดเกมนี้ยังเป็นปัญหาอันดับ 2 ที่พ่อแม่โทร.ปรึกษาสายด่วน 1323 รองจากปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น เช่น เรื่องความรัก

“เรื่องที่น่ากังวล ขณะนี้ประชาชนไทยยังเข้าใจผิดคิดว่า เกมบนสมาร์ทโฟน เกมออนไลน์ การแข่งขันเกมต่อสู้ออนไลน์ คือ ของเล่นของเด็กทุกวัย และที่น่าวิตกยิ่งไปกว่านั้น ยังเข้าใจผิดว่าการแข่งขันเกมต่อสู้ออนไลน์ที่รู้จักกันว่าโมบ้า (Multiple Online Battle Arena : MOBA) ซึ่งเป็นเกมที่มีลักษณะจำลองการต่อสู้เสมือนจริงของทั้ง 2 ฝ่ายที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นและเยาวชนทั่วโลก เล่นกันเป็นทีม ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครฮีโร่ของตัวเอง พูดคุยสื่อสารกับผู้เล่นอื่น และหลายคนยังเข้าใจผิดว่าเกมชนิดนี้เป็นกีฬาทางสมอง หรือที่เรียกว่า อี-สปอร์ต (E-Sports) ซึ่งแท้จริงแล้วเกมโมบ้านี้มีอันตรายต่อสมองที่บริเวณสมองส่วนหน้าของเด็กและวัยรุ่น ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ สมาธิ ความจำ และการตัดสินใจด้วยเหตุผล ซึ่งมีผลต่อการควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมโดยตรง สมองส่วนนี้จะทำงานลดลง ในขณะที่สมองส่วนอยาก หรือที่เรียกว่าระบบลิมบิก จะทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยความอยากความสนุกตื่นเต้นความท้าทายจากการต่อสู้และการได้คะแนนหรือชัยชนะในเกมบ่อยๆ ซ้ำๆ ต่อเนื่องนานๆ จะนำไปสู่วงจรสมองติดเกมในที่สุด เป็นการเสพติดทางพฤติกรรมจนเกิดความเคยชิน จึงเลิกยากมาก ซึ่งขณะนี้จิตแพทย์พบว่าเกมชนิดนี้กำลังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กติดเกมมากจนต้องเข้ารับการบำบัด ”อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า อาการแสดงของพฤติกรรมเสพติด จะเริ่มจากความอยากกระหายที่จะเล่นเกม ใช้เวลาเล่นนานขึ้น เมื่อไม่ได้เล่นเกมจะมีลักษณะอาการถอนคือ มีอารมณ์หงุดหงิด วิตกกังวล กระวนกระวาย จนถึงขั้นพฤติกรรมก้าวร้าว และเสียหน้าที่ในชีวิตประจำวัน เช่น ผลการเรียนแย่ลง ขาดสมาธิในการเรียน/การทำงาน แยกตัวไม่เข้าสังคม และสัมพันธภาพในครอบครัวแย่ลง จึงไม่แนะนำให้เล่นเกมชนิดนี้ สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนขณะนี้ ก็คือ การเลี้ยงดูบุตรหลานในยุคดิจิตอลให้มีความปลอดภัยในการใช้สื่อออนไลน์ทุกชนิด พ่อแม่ผู้ปกครองอย่าปล่อยปละละเลยลูกอย่างเด็ดขาด ต้องมีกฎกติกาภายในบ้านอย่างชัดเจน อาทิ วินัยและการรับผิดชอบการเรียนในชีวิตประจำวัน การแบ่งเวลาการเล่น การมีเวลาสำหรับกิจกรรมกีฬา กิจกรรมร่วมในครอบครัว ควรเอาใจใส่การใช้เวลากับอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์อินเทอร์เน็ตของลูกอย่างใกล้ชิด ควรทำความรู้จักกับเกมก่อนตัดสินใจให้ลูกเล่น เป็นต้น สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือการหยิบยื่นเกมให้เด็กเล่นแทนของเล่น หรือเป็นของรางวัล

พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า เด็กทุกคนที่เล่นเกมจะมีโอกาสติดเกม สถาบันฯได้ร่วมกับ รพ.รามาธิบดีและศิริราชพยาบาล ศึกษาปัญหาติดเกมในประเทศไทยใน พ.ศ. 2558 พบว่า วัยรุ่นไทยมีอัตราเสพติดเกมร้อยละ 13.3 - 16.6 จึงคาดว่ามีวัยรุ่นไทยติดเกมประมาณ 1.3 - 1.6 ล้านคน แนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เด็กที่ติดเกมส่วนมากจะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬา อี-สปอร์ต ซึ่งโอกาสที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการนักแข่งเกมมีน้อยมากเพียง 0.00007 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบวัยรุ่นมีแนวโน้มก่อพฤติกรรมรุนแรงจากการเลียนแบบเกมที่เล่น และยังมีพฤติกรรมเสี่ยงเข้าถึงเกมพนันในหมู่วัยรุ่นอายุ 15 - 24 ปี เป็นนักพนันหน้าใหม่ร้อยละ 0.6 ด้วย

“อาการที่แสดงว่าเด็กกำลังเกิดปัญหาติดเกมที่ผู้ปกครองต้องพาไปพบจิตแพทย์โดยด่วน ได้แก่ เด็กใช้เวลาหมกมุ่นอย่างมากกับการเล่นเกม อินเทอร์เน็ต จนเกิดการกระหายโอกาสในการเข้าถึง เด็กใช้เวลาเล่นนานกว่า 2 ชั่วโมง และมีอาการถอน คือ อาการหงุดหงิด กระวนกระวาย อาละวาดเมื่อบอกให้หยุดเล่นเกม เด็กอาจมีอาการแตกต่างกันเช่นบางคนแค่หงุดหงิด บางคนรุนแรงทำลายข้าวของ ทำร้ายพ่อแม่ ทำร้ายตัวเอง ขาดสมาธิการเรียน โดดเรียน ไม่ยอมไปโรงเรียน บางคนอดนอน ขโมยเงิน ท้อแท้สิ้นหวังในโลกความเป็นจริง” พญ.มธุรดา กล่าว

พญ.มธุรดา กล่าวว่า สำหรับการบำบัดรักษาเด็กที่ติดเกม ในปัจจุบันจะใช้ยาทางจิตเวชรักษาร่วมกับการทำจิตบำบัดรายบุคคล กลุ่มบำบัดและครอบครัวบำบัด เพื่อปรับพฤติกรรมอารมณ์และความคิด แต่ละรายใช้เวลารักษาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ขณะนี้สถาบันฯได้พัฒนาระบบบริการรักษาที่เป็นมิตรกับวัยรุ่น โดยพัฒนาโปรแกรมบำบัดชนิดใหม่ในรูปแบบกิจกรรมค่ายบำบัดครอบครัวที่มีเด็กติดเกม (Family Smart Player Camp) ภายใต้แนวคิด ฉลาดเล่น รู้วินัย ฉลาดรัก รู้จักเลือก เป็นกิจกรรมการเรียนรู้และแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ใช้ทีมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น นักจิตวิทยา พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ดำเนินการ ใช้เวลา 3 วัน เพื่อให้วัยรุ่นตระหนักเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาติดเกม พัฒนาความคิด การตัดสินใจ ความกล้าหาญ ความภาคภูมิใจ จัดไปแล้ว 1 รุ่น พบว่า ได้ผลดี สถาบันฯจะทำการศึกษาติดตามประเมินผล เพื่อพัฒนาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังได้เปิดแอปพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า ค้นพบความสุขกับลูกวัยรุ่น เพิ่มช่องทางให้ความรู้แก่พ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยรุ่นได้เข้าใจธรรมชาติวัยรุ่นมากขึ้น รู้วิธีพูดกับวัยรุ่นได้อย่างเข้าใจ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปฯนี้ฟรีในเพลย์สโตร์ ทั้งระบบไอโอเอสและแอนดรอยด์ ขณะนี้มีผู้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 1,000 ครั้ง ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับการสื่อสารกับลูกในยุคดิจิตอล อย่างไรก็ดี หากพ่อแม่ต้องการขอรับคำปรึกษาการเลี้ยงลูกวัยรุ่น สามารถโทรที่สายด่วน 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงได้เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น