กรมควบคุมโรค เตือนหน้าฝนระวังแมงกะพรุนขณะเล่นน้ำทะเล เหตุถูกพัดเข้าชายหาดมากกว่าปกติ ย้ำ หากถูกแมงกะพรุน อย่าขัดถู ยิ่งทำการยิงพิษเพิ่มขึ้น แนะปฐมพยาบาลด้วยการราดน้ำส้มสายชู
วันนี้ (18 พ.ค.) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนมักจะพบแมงกะพรุนถูกคลื่นซัดเข้ามาชายหาดจำนวนมาก ทั้งมีพิษและไม่มีพิษ โดยแมงกะพรุนที่พบทั่วไปในทะเลไทยมีหลายชนิด แต่แมงกะพรุนที่เป็นอันตรายและมีพิษรุนแรง คือ แมงกะพรุนกล่อง ซึ่งในประเทศไทยเคยพบผู้เสียชีวิตจากแมงกะพรุนกล่องแล้ว จากข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2542 - 2558 มีรายงานผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากแมงกะพรุนพิษมากกว่า 1,000 ราย พบอาการหนักจนถึงหมดสติ 18 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 8 ราย ทุกรายเกิดจากแมงกะพรุนกล่อง
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุการณ์พบผู้ได้รับบาดเจ็บสงสัยสัมผัสแมงกะพรุนพิษ 3 ราย ในจังหวัดกระบี่ โดยผู้ป่วย 2 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยที่มือ ส่วนอีก 1 ราย มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณขาและแขน แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อย ปวดจุกแน่นท้อง แต่ยังรู้สึกตัวดี จากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ป่วยทั้ง 3 คน ได้ลงเล่นน้ำทะเลขณะมีฝนตกโปรยๆ หลังเล่นน้ำพบว่ามีบาดแผลลักษณะโดนแมงกะพรุน จึงไปรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยน้ำส้มสายชูจากเจ้าหน้าที่ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
นพ.เจษฎา กล่าวว่า สำหรับแมงกะพรุนกล่อง เป็นแมงกะพรุนชนิดที่มีพิษรุนแรง จะมีลักษณะโปร่งใส รูปร่างเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีหนวดยื่นออกมาในแต่ละมุม และหนวดอาจยาวพอกับความสูงของคน แมงกะพรุนกล่องแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ชนิดที่มีหนวดเพียงเส้นเดียวในแต่ละมุม หรือชนิดที่มีหนวดหลายเส้นในแต่ละมุม ซึ่งกลุ่มนี้มีหนวดรวมๆ แล้ว ประมาณ 12 - 15 เส้น และผู้เสียชีวิตในประเทศไทยทุกรายเกิดจากชนิดที่มีหนวดหลายเส้น ซึ่งกะเปาะพิษจะอยู่ที่สายหนวด หนึ่งตัวอาจมีกะเปาะพิษถึงล้านถุง ทำให้แมงกะพรุนกล่องจัดเป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุด ซึ่งพิษของแมงกะพรุนกล่องมีฤทธิ์ 3 ด้าน คือ 1. ทำให้เซลล์ผิวหนังตาย 2. มีอาการปวดรุนแรง และ 3. หากได้รับพิษในปริมาณมาก และพิษเข้าสู่กระแสเลือดและจะเข้าสู่หัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นและระบบหายใจล้มเหลว อาจเสียชีวิตได้ภายใน 2 - 10 นาที
“การป้องกันแมงกะพรุน ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเล่นน้ำทะเลในขณะฝนตก หรือหลังฝนหยุดใหม่ๆ สำหรับขั้นตอนการปฐมพยาบาลผู้ที่สงสัยถูกแมงกะพรุน ดังนี้ 1. เรียกให้คนช่วย หรือเรียกรถพยาบาล (โทร.1669) แต่ห้ามทิ้งให้ผู้บาดเจ็บอยู่ตามลำพัง เพราะอาจหมดสติภายในเวลาไม่กี่นาทีข้างหน้าและต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 2. ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ เพื่อลดการยิงพิษจากแมงกะพรุน 3. ห้ามขัดถู หรือราดน้ำจืดบริเวณที่ถูกแมงกะพรุน เพราะจะทำให้มีการยิงพิษเพิ่มขึ้น 4.ราดน้ำส้มสายชูบริเวณที่มีร่องรอยจากการสัมผัสแมงกะพรุนให้ทั่วนานอย่างน้อย 30 วินาที น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ในการระงับการยิงพิษจากถุงพิษที่ยังไม่ออกฤทธิ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยได้รับพิษเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดอาการปวด และ 5. ถ้าผู้ป่วยหมดสติและไม่มีชีพจร ให้ปั๊มหัวใจก่อน โดยไม่ต้องรอราดน้ำส้มสายชู” อธิบดี คร. กล่าว