xs
xsm
sm
md
lg

“ปานแต่กำเนิด” มาทำความรู้จักกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ
ภาควิชาตจวิทยา
คุณหมอคะ ปานสีแดงต่างจากปานสีดำอย่างไรคะ? ปานจะโตตามตัวหรือไม่คะ? ถ้าไม่รักษาตอนเด็ก รอจนโตแล้วค่อยรักษาได้ไหม? ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาปานจะกลายเป็นเนื้อร้ายหรือไม่? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นเป็นประจำที่คลินิกปานแต่กำเนิด โรงพยาบาลศิริราช
โรงพยาบาลศิริราชได้ให้การรักษาเด็กที่มีปานแต่กำเนิดชนิดต่างๆ ด้วยเลเซอร์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2541 ในอดีตผู้ป่วยและผู้ปกครองต้องเสียเวลาในการนัดหมายเพื่อไปรับการปรึกษาตามคลินิกเฉพาะโรคต่างๆ ทำให้เสียเวลาไปเป็นจำนวนมากก่อนที่ผู้ป่วยจะได้เริ่มรับการรักษา รพ.ศิริราช จึงได้จัดตั้ง “คลินิกปานแต่กำเนิด” ให้การรักษาแบบครบวงจร โดยทีมแพทย์เฉพาะทางสหสาขาร่วมกัน ให้บริการตรวจและให้คำปรึกษาผู้ป่วยเด็กที่มีปานแต่กำเนิด
หลายท่านอาจคิดว่า “ปาน” หมายถึงจุดหรือปื้นสีดำบนผิวหนังเท่านั้น ที่จริงแล้วความผิดปกติที่เรียกว่า “ปาน” มีรูปร่างลักษณะและสีได้หลากหลาย และชนิดของปานมีหลายประเภทขึ้นกับพยาธิกำเนิดของปาน คนที่มีปานบนร่างกายไม่ได้มีแต่ตำหนิที่เรามองเห็นบนผิวหนังของเขาเท่านั้น แต่คนที่มีปานจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกว่าตนเองมีตำหนิในใจซึ่งในบางครั้ง การถูกล้อเลียน การถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับปานที่มี หรือแม้แต่การจ้องมองด้วยสายตาที่เคลือบแคลงสามารถส่งผลต่อความรู้สึกและความมั่นใจอย่างมากจนคนไม่มีปานอาจคาดไม่ถึง
“ปานแต่กำเนิด” คือ ความผิดปกติของสีผิว และหรือความผิดปกติของความเรียบเนียนของผิวซึ่งพบในทารกแรกเกิดหรือในช่วงอายุขวบปีแรก ปานมีหลายชนิด และเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ที่แตกต่างกันไปเช่น เซลล์ผิวหนัง หลอดเลือด ทางเดินน้ำเหลืองและกล้ามเนื้อ ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการเกิดปาน และปานก็ไม่ใช่ความผิดปกติที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ทางการแพทย์มักแบ่งประเภทของปานไปตามชนิดของเซลล์ที่ผิดปกติเช่นเซลล์สร้างเม็ดสีหลอดเลือด ทางเดินน้ำเหลือง กล้ามเนื้อเป็นต้น ปานบางชนิดจะสามารถหายไปได้เอง โดยไม่ต้องได้รับการรักษาใดๆ บางชนิดมีอาการคงตัวไม่เปลี่ยนแปลงหรือบางชนิดอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นตามอายุ นอกจากนี้ปานบางชนิดสามารถพบร่วมกับความผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม ปานที่พบได้บ่อย ได้แก่
ปานมองโกเลียน (Mongolian) พบบ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นผื่นราบสีเขียว ฟ้าเทา หรือน้ำเงินเข้ม บริเวณก้นและสะโพก แต่อาจพบที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น แขน ขา หลัง ไหล่ หนังศีรษะ ปานชนิดนี้จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อเข้าสู่วัยเด็กตอนต้น ไม่มีความจำเป็นต้องทำการรักษา
ปานโอตะ (Nevus of Ota) เป็นปานแต่กำเนิดชนิดที่พบบ่อยในชาวเอเชีย มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม สีเขียว สีฟ้าเทา หรือสีน้ำเงินที่ค่อยขยายขนาดขึ้นตามอายุจนกลายเป็นปื้นอยู่ซีกใดซีกหนึ่งบนใบหน้า ผู้ป่วยบางรายอาจมีปานโอตะที่เกิดขึ้นในบริเวณตาขาวด้วย ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยจะตรวจพบความผิดปกติของความดันลูกตาในข้างเดียวกับปานที่มีอยู่ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลาจะพัฒนาไปเป็นโรคต้อหินและทำให้ตาบอดได้ ปานโอตะที่ผิวหนังตอบสนองต่อการรักษาด้วยเลเซอร์ดีมาก
ปานสีกาแฟใส่นม (Café au lait) มีลักษณะเป็นผื่นราบสีน้ำตาลอ่อน ปรากฏตั้งแต่แรกเกิดหรือภายในอายุ 2 - 3 เดือน มักจะมีรูปร่างกลมหรือรี ขอบเขตค่อนข้างชัดเจน จะขยายขนาดขึ้นตามการเจริญเติบโตและจะคงอยู่ตลอดชีวิต ส่วนใหญ่จะไม่พบมีความผิดปกติอื่นๆ ของร่างกายร่วมด้วย แต่หากผู้ป่วยที่มีปานชนิดนี้จำนวนมากหรือมีขนาดใหญ่ อาจพบมีโรคพันธุกรรมบางชนิดได้ ดังนั้น หากพบปานขนาดใหญ่หรือมีหลายอัน ควรพาบุตรหลานของท่านไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
ปานแดงชนิด (Port-wine stains) มีลักษณะเป็นปื้นแดงที่มักปรากฏอาการตั้งแต่แรกเกิด และจะคงอยู่ตลอดชีวิตไม่จางหายไป รอยโรคจะขยายขนาดโตตามตัวของผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักอยู่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ปานจะมีสีเข้มขึ้น รวมทั้งอาจนูนหนาและขรุขระเพิ่มขึ้น ตามอายุที่มากขึ้น หากพบปานชนิดนี้บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะรอบดวงตา อาจพบร่วมกับความผิดปกติของดวงตาและสมองได้ จึงควรพาบุตรหลานของท่านไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดต่อไป ปานแดงชนิดนี้สามารถรักษาโดยใช้เลเซอร์ได้ ซึ่งการตอบสนองต่อการรักษาขึ้นกับตำแหน่งและขนาดของรอยโรค การเริ่มการรักษาด้วยเลเซอร์ในเด็กจะได้ผลการรักษาดีกว่าในผู้ใหญ่และใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยกว่า
เนื้องอกหลอดเลือดในเด็ก (Hemangioma) พบความผิดปกติที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก (ประมาณร้อยละ 5 ในทารกแรกเกิด และร้อยละ 5 - 10 ในเด็กอายุ 1 ปี) พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย บางรายอาจพบมีจุดหรือปื้นสีแดงนำมาก่อนแล้วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ลักษณะของปานที่พบบ่อย จะเป็นก้อนนูนสีแดงสด ผิวขรุขระ ซึ่งก้อนเนื้องอกชนิดนี้จะมีขนาดโตขึ้นภายในช่วงอายุ 6 - 9 เดือนแรกของชีวิต ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่มีปานชนิดนี้ก้อนจะค่อยๆยุบลงได้เอง ภายหลังอายุ 5 ปี ภายหลังก้อนสีแดงนี้ยุบลง อาจหลงเหลือความผิดปกติของผิวหนังบริเวณดังกล่าวได้
สำหรับขั้นตอนการรับบริการผู้ป่วยทุกคนจะต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยตามกระบวนการของหน่วยตรวจที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยตรวจกุมารศัลยศาสตร์ โลหิตวิทยา โรคผิวหนังเด็ก และจากศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราชและจะส่งต่อมายัง คลินิกปานแต่กำเนิดในกรณีที่ผู้ป่วยรายนั้นๆ ต้องได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติม โดยมีคลินิกทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน และทำการรักษาด้วยเลเซอร์ในห้องผ่าตัดทุกวันพุธที่ 1 และ 4 ของเดือน ณ ตึก 84 ปี ชั้น 2 สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราช โทร. 02-419-9922, 02-419-9933
//////
กิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
#ผู้บริจาคท่านใดได้โอนเงินบริจาคในกิจกรรม “๑ ล้าน ๕ แสนก้าว” วิ่งเพื่อชีวิต เชียงใหม - ศิริราช สมทบสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา รพ.ศิริราช และยังไม่ได้ส่งหลักฐานการบริจาค หากมีความประสงค์รับใบเสร็จรับเงิน กรุณาส่งหลักฐานการโอนพร้อมระบุชื่อ, ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ส่งทางโทรสารหมายเลข0 2419 9486 หรือทางอีเมล : Sicashier@mahidol.ac.th ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 สำหรับผู้บริจาคที่ยังไม่ได้รับใบเสร็จรับเงิน (เกิน 30 วันนับจากวันที่ส่งหลักฐาน) โปรดติดต่อสอบถาม งานการเงิน ฝ่ายการคลัง โทร. 0 2419 7184 ต่อ 543 ในวันและเวลาราชการ
กำลังโหลดความคิดเห็น