นักศึกษาสาวเอกฟู้ดซายน์ มทร.ธัญบุรี โชว์เมนูเฮลธ์ตีดีต่อใจ พัฒนา “น้ำสลัด” จาก “ข้าวไรซ์เบอร์รี” เสริมคุณค่าโภชนาการ เพิ่มมูลค่าให้กับน้ำสลัด
น.ส.ภูษณิศา อัจฉริยพานิชกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (ฟู้ดซายน์) คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า ความต้องการในการบริโภคอาหารเสริมสุขภาพในปัจจุบันมีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากยิ่งขึ้น พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ผู้บริโภคกำลังนิยมและให้ความสนใจ นั่นคือ ข้าวไรซ์เบอร์รี เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นทางโภชนาการ เป็นธัญพืชเพื่อสุขภาพ มีสีและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินอี แกมมาโอไรซานอล สังกะสี และโฟเลต ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบของผิวหนัง ชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูงและโรคสมองเสื่อม ช่วยบำรุงโลหิต และข้าวไรซ์เบอร์รียังมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล มีผลดีต่อระบบขับถ่าย จึงมีแนวคิดและตั้งใจที่จะทำการพัฒนาน้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี โดยการใส่น้ำข้าวไรซ์เบอร์รีลงในน้ำสลัด ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในน้ำสลัด และเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำสลัด และได้ศึกษาปริมาณน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีต่อคุณภาพทางกายภาพ ทางเคมี และการยอมรับทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑ์น้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี โดยมี ดร.ลลิตา ศิริวัฒนานนท์ อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร เป็นที่ปรึกษา
“ข้าวไรซ์เบอร์รีที่จะนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี ทำได้โดยการนำข้าวไรซ์เบอร์รีล้างน้ำให้สะอาด และตากพักข้าวไว้ จากนั้นต้มน้ำให้เดือด และใส่ข้าวไรซ์เบอร์รีในอัตราส่วน 150 กรัมต่อน้ำ 300 มิลลิลิตร ต้มนานประมาณ 30 นาที และยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็นประมาณ 5 นาที แล้วนำข้าวที่ผ่านการต้มใส่เครื่องปั่น พร้อมด้วยน้ำสะอาด 30 มิลลิลิตร ด้วยความเร็วสูงสุด 2 นาที และความเร็วต่ำ 1 นาที แล้วจึงเทผลิตภัณฑ์ที่ได้ลงในภาชนะที่เตรียมไว้” น.ส.ภูษณิศา กล่าว
น.ส.ภูษณิศา กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการทำน้ำสลัดนั้น ใช้น้ำตาลทรายขาว 75 กรัม น้ำส้มสายชู 100 กรัม พริกไทยป่น 5 กรัม มัสตาร์ด 5 กรัม นมข้นหวาน 45 กรัม ไข่แดง 50 กรัม เกลือป่น 5 กรัม และน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีที่เตรียมไว้ประมาณ 107 กรัม (ร้อยละ 20) ใส่ลงในเครื่องปั่นให้เข้ากันด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 2 นาที จากนั้นเติมน้ำมันพืช 250 กรัม ลงไปในเครื่องปั่นทีน้อย ปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น พร้อมทานคู่กับผักสลัดสดต่างๆ ทั้งนี้ ในสูตรน้ำสลัดที่เสริมน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีร้อยละ 0, 20, 40 และ 60 เมื่อนำมาทดสอบการยอมรับผู้บริโภค พบว่า ผู้บริโภคมีความชอบโดยรวมในน้ำสลัดเสริมน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีร้อยละ 20 มากที่สุด และเมื่อนำมาวิเคราะห์หาค่าความหนืด พบว่าความหนืดของสูตรน้ำสลัดเสริมน้ำข้าวไรซ์เบอรีมีค่ามากกว่าชุดควบคุมจากการนำน้ำสลัดที่ไม่ได้เสริมน้ำข้าวไรซ์เบอร์รี่ และน้ำสลัดเสริมน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีร้อยละ 20 (สูตรที่ผู้ทดสอบชิมให้คะแนนความชอบโดยรวมมากที่สุด) นำมาเปรียบเทียบกันพบว่า น้ำสลัดเสริมน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีร้อยละ 20 มีค่าปริมาณเถ้า ความชื้น โปรตีน เส้นใย และ คาร์โบไฮเดรต เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของน้ำข้าวไรซ์เบอร์รีที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่น้ำสลัดที่ไม่ได้เสริมน้ำข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีปริมาณไขมันมากกว่าน้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รีร้อยละ 20 ผู้สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ โทร. 0-2592-1955 หรือ 091-816-4884