กรมแพทย์แผนไทยแนะ 7 ท่าฤาษีดัดตน นวดกล้ามเนื้อใบหน้า ศีรษะ ลดโรค ชะลอวัย สายตาดีขึ้น ทำได้ทุกที่ ไม่จำกัดอายุ
นพ.สุเทพ วัชรปิยนันทน์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวภายหลังนำบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จำนวน 300 คน ร่วมกิจกรรมสร้างสุขในองค์กร ว่า กรมฯ ได้รับงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมสร้างความสุขในองค์กร โดยวันนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมสร้างสุขในองค์กร คือ การสร้างเสริมสุขภาพให้คนในกรม ซึ่งเป็นบุคลากรที่บรรจุใหม่ ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองและประชาชน ด้วยกายบริหารแบบไทยด้วยท่าฤาษีดัดตน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่ปรากฏชัดเจน ในตำราของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ซึ่งมีการสร้างมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ และมีการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จำนวน 80 ท่า ซึ่งต่อมาชำรุด พัง เหลือเพียง 24 ตน ดังนั้น ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๙ จึงได้มีการสร้างทดแทนของเดิมจำนวน 82 ตน 80 ท่า โดยจะจัดแสดงไว้บริเวณเขามอ วัดโพธิ์ต่อไป
นพ.สุเทพ กล่าวว่า สำหรับท่าง่ายๆ ที่อยากแนะนำประชาชนให้ฝึกหัดทำ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชะลอวัย เป็นการนวดกล้ามเนื้อใบหน้า มีด้วยกัน 7 ท่า เป็นการประยุกต์เพื่อการใช้ประโยชน์ โดย ศ.นพ.กรุงไกร เจนพานิช ทั้งหมดนำมาจากท่าฤๅษีดัดตน ภูมิปัญญาของคนไทย โดยระหว่างปฏิบัติจะได้ฝึกลมหายใจ ซึ่งเท่ากับได้ทำสมาธิไปในตัว ส่วนผลลัพธ์ที่ได้หลังนวดแล้ว จะช่วยระบบไหลเวียนโลหิตบริเวณใบหน้าดีขึ้น เลือดไปหล่อเลี้ยงใบหน้าและสมองได้ดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงสายตา ยกระดับจิตใจให้พ้นจากอารมณ์ขุ่นมัว และคลายเครียด โดยทั้ง 7 ท่ามีดังนี้
1. ท่าเสยผม ใช้ปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดที่คิ้วทั้งสองข้างพร้อมกัน จากนั้นดันนิ้ว ทั้งสามเคลื่อนผ่านหน้าผาก เรื่อยไปยังศีรษะและสิ้นสุดที่ท้ายทอย
2. ท่าทาแป้ง ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางวางที่บริเวณหัวตาแล้วค่อยๆ ดันขึ้น เมื่อผ่านหน้าผาก วางนิ้วนางและนิ้วก้อยเพิ่มเข้ามา จากนั้นลูบออกด้านข้างไปทางหางคิ้ว ผ่านข้างแก้ม สิ้นสุดที่คาง
3. ท่าเช็ดปาก ใช้ฝ่ามือซ้ายวางทาบบนแก้มขวา โดยให้ปลายนิ้วกลางวางบริเวณปลายติ่งหูขวา จากนั้นลากมือไปทางด้านซ้าย ระหว่างนั้นฝ่ามือต้องกดให้แนบสนิทกับใบหน้าและปากเมื่อลากผ่านด้วย เสร็จแล้วจึงสลับสลับมือไปทำด้านซ้าย
4. ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
5. ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง
และ 7. สองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู เพียง 7 ท่าสบายๆ นี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th
3. ท่าเช็ดปาก ใช้ฝ่ามือซ้ายวางทาบบนแก้มขวา โดยให้ปลายนิ้วกลางวางบริเวณปลายติ่งหูขวา จากนั้นลากมือไปทางด้านซ้าย ระหว่างนั้นฝ่ามือต้องกดให้แนบสนิทกับใบหน้าและปากเมื่อลากผ่านด้วย เสร็จแล้วจึงสลับสลับมือไปทำด้านซ้าย
4. ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
5. ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาทีหรือ 20 ครั้ง
และ 7. สองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู
เพียง 7 ท่าสบายๆ นี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th
4. ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
5. ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง
และ 7. สองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู เพียง 7 ท่าสบายๆ นี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th
นพ.สุเทพ วัชรปิยนันทน์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวภายหลังนำบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จำนวน 300 คน ร่วมกิจกรรมสร้างสุขในองค์กร ว่า กรมฯ ได้รับงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมสร้างความสุขในองค์กร โดยวันนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมสร้างสุขในองค์กร คือ การสร้างเสริมสุขภาพให้คนในกรม ซึ่งเป็นบุคลากรที่บรรจุใหม่ ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองและประชาชน ด้วยกายบริหารแบบไทยด้วยท่าฤาษีดัดตน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่ปรากฏชัดเจน ในตำราของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ซึ่งมีการสร้างมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ และมีการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จำนวน 80 ท่า ซึ่งต่อมาชำรุด พัง เหลือเพียง 24 ตน ดังนั้น ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๙ จึงได้มีการสร้างทดแทนของเดิมจำนวน 82 ตน 80 ท่า โดยจะจัดแสดงไว้บริเวณเขามอ วัดโพธิ์ต่อไป
นพ.สุเทพ กล่าวว่า สำหรับท่าง่ายๆ ที่อยากแนะนำประชาชนให้ฝึกหัดทำ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชะลอวัย เป็นการนวดกล้ามเนื้อใบหน้า มีด้วยกัน 7 ท่า เป็นการประยุกต์เพื่อการใช้ประโยชน์ โดย ศ.นพ.กรุงไกร เจนพานิช ทั้งหมดนำมาจากท่าฤๅษีดัดตน ภูมิปัญญาของคนไทย โดยระหว่างปฏิบัติจะได้ฝึกลมหายใจ ซึ่งเท่ากับได้ทำสมาธิไปในตัว ส่วนผลลัพธ์ที่ได้หลังนวดแล้ว จะช่วยระบบไหลเวียนโลหิตบริเวณใบหน้าดีขึ้น เลือดไปหล่อเลี้ยงใบหน้าและสมองได้ดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงสายตา ยกระดับจิตใจให้พ้นจากอารมณ์ขุ่นมัว และคลายเครียด โดยทั้ง 7 ท่ามีดังนี้
1. ท่าเสยผม ใช้ปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดที่คิ้วทั้งสองข้างพร้อมกัน จากนั้นดันนิ้ว ทั้งสามเคลื่อนผ่านหน้าผาก เรื่อยไปยังศีรษะและสิ้นสุดที่ท้ายทอย
2. ท่าทาแป้ง ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางวางที่บริเวณหัวตาแล้วค่อยๆ ดันขึ้น เมื่อผ่านหน้าผาก วางนิ้วนางและนิ้วก้อยเพิ่มเข้ามา จากนั้นลูบออกด้านข้างไปทางหางคิ้ว ผ่านข้างแก้ม สิ้นสุดที่คาง
3. ท่าเช็ดปาก ใช้ฝ่ามือซ้ายวางทาบบนแก้มขวา โดยให้ปลายนิ้วกลางวางบริเวณปลายติ่งหูขวา จากนั้นลากมือไปทางด้านซ้าย ระหว่างนั้นฝ่ามือต้องกดให้แนบสนิทกับใบหน้าและปากเมื่อลากผ่านด้วย เสร็จแล้วจึงสลับสลับมือไปทำด้านซ้าย
4. ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
5. ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง
และ 7. สองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู เพียง 7 ท่าสบายๆ นี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th
3. ท่าเช็ดปาก ใช้ฝ่ามือซ้ายวางทาบบนแก้มขวา โดยให้ปลายนิ้วกลางวางบริเวณปลายติ่งหูขวา จากนั้นลากมือไปทางด้านซ้าย ระหว่างนั้นฝ่ามือต้องกดให้แนบสนิทกับใบหน้าและปากเมื่อลากผ่านด้วย เสร็จแล้วจึงสลับสลับมือไปทำด้านซ้าย
4. ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
5. ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาทีหรือ 20 ครั้ง
และ 7. สองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู
เพียง 7 ท่าสบายๆ นี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th
4. ท่าเช็ดคาง ใช้หลังมือซ้ายทาบใต้คาง ให้ปลายนิ้วกลางอยู่ที่ติ่งหูขวา แล้วลากมือไปทางซ้าย ผ่านคางไปสิ้นสุดที่ใต้หูซ้าย จากนั้นเปลี่ยนใช้มือขวาทำอีกด้านเช่นเดียวกัน
5. ท่ากดใต้คาง ให้วางปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างตรงกลางกล้ามเนื้อใต้คาง โดยวางนิ้วในมุมตั้งฉากกับคาง จากนั้นก้มหน้าเพื่อต้านแรงกด นิ่งค้างไว้ 10 วินาที แล้วเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนสุดแนวขากรรไกร โดยเลื่อนทีละด้าน
6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้าง กางแนบหูแบบหลวมๆ ส่วนฝ่ามือก็วางแนบแก้ม จากนั้นถูนิ้วมือลงบนใบหูด้วยน้ำหนักพอสมควรอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองข้าง โดยถูไว้นานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง
และ 7. สองข้างตบที่ท้ายทอยอย่างรวดเร็วด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำนานสัก 20 วินาที หรือ 20 ครั้ง โดยระหว่างใช้แผงนิ้วตบท้ายทอยไม่ต้องยกสันฝ่ามือออกพ้นใบหู เพียง 7 ท่าสบายๆ นี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ตึงกระชับ ช่วยให้สายตาดีขึ้น สอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 02-591-7007 www.dtam.moph.go.th