“ทิชา” ติ งตำรวจ - ปคม. อย่าสองมาตรฐาน เหตุใช้เครื่องจับเท็จเด็กหญิงค้ามนุษย์ พิสูจน์ปั้นเรื่องหรือไม่ แต่ไม่กล้านำไปใช้กับผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน
วันนี้ (3 พ.ค.) นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ กองบังคับปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เตรียมนำ น.ส.บี (นามสมมติ) เหยื่อค้าประเวณี จ.แม่ฮ่องสอน เข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อยืนยันคำให้การในคดีว่า เป็นความจริง ไม่ใช่ปั้นเรื่อง หรือรับจ้างมาให้การ หลังจาก น.ส.บี ให้การกับชุดสหวิชาชีพโดยมีการบันทึกภาพวิดีโอคำให้การเป็นหลักฐานแล้ว ว่า แม้ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนจะย้ายออกจากพื้นที่แล้ว แต่การที่ตำรวจคิดจะนำเด็กหญิงซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีซื้อบริการทางเพศแม่ฮ่องสอน เข้าเครื่องจับเท็จ อยากให้คิดให้รอบคอบรอบด้าน ถ้าจะใช้เครื่องจับเท็จกับผู้เสียหาย ขอตั้งคำถามว่า บรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมนั้นสมควรทำใช่หรือไม่ ขณะเดียวกัน ทำไมไม่มีการคิดจะนำผู้ว่าฯซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เข้าเครื่องจับเท็จบ้าง
“เจตนาของผู้อำนวยความยุติธรรมชวนให้สังคมและผู้ติดตามคดีนี้ไม่สบายใจ การนำเหยื่อเข้าเครื่องจับเท็จ สามารถทำได้ แต่ถามว่าวิธีนี้ถือเป็นการอำนวยความยุติธรรมอย่างเป็นธรรมกับผู้เสียหายหรือไม่ เพราะจริงๆ แล้วผู้เสียหายไม่ได้มีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ความจริง แต่การนำเข้าเครื่องจับเท็จเหมือนเป็นการกดดันผู้เสียหาย กดดันพยาน เจตนาคุกคาม ขณะเดียวกัน กลับไม่มีใครกล้าให้ผู้ว่าฯ หรือคนอื่นเข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง สะท้อนการทำงานที่เหมือนจะปักธงไว้ก่อนชัดเจน ว่า สองมาตฐาน หรือเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่อาจไว้วางใจและยอมรับได้ ต่อไปคนเล็กคนน้อยคงไม่มีใครกล้าแจ้งความเอาผิด ไม่กล้าเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะรู้ดีว่าสู้อำนาจที่เหนือกว่าไม่ได้” นางทิชา กล่าว